OPEL in : The Happiest Opel Family in Thailand

Opel in Talks => FAQ and Articles => Topic started by: kamolwat_t on 20 Jun 2009, 11:05

Title: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย (opel แต่ง ตั้งแต่ใช้บ้านๆยันวิ่งสนามได้)
Post by: kamolwat_t on 20 Jun 2009, 11:05
เกรินนำนิดนึง

ผมคิดว่ายังมีอีกหลายๆคนที่ อยากจะขับรถให้เร็วขึ้น อยากทำรถให้แรงขึ้น แต่อาจจะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก...

ผมแนะนำขั้นต้นก่อนว่า ลองไล่อ่าน บทความ ที่มีใน FAQ เวบนี้ให้หมดก่อนครับ... แล้วจะเข้าใจพื้นฐานต่างๆได้อีกเยอะ... ครับ

รถก็เหมือนการวาดรูปครับ มันต้องรู้ก่อนว่า เราชอบอะไร แบบไหน แล้วจะทำอย่างไรให้มันออกมาเป็นแบบที่เราชอบ

ถ้าเรามีดินสอสีอยู่ 52 สี เวลาเอามาระบายสีคงไม่ต้อง เอามาใช้ทั้งหมดครับ จริงไหม เหมือนกับการแต่งรถเลยครับ ของในตลาดมีเยอะแยะ มีทั้งของคุ้มราคา มีทั้งของหลอกเด็ก แต่ถ้าเรา รู้ว่าอะไรใช้งานอย่างไรช่วยอะไรได้บ้าง... จะทำให้เราไม่กลายเป้นลิเก มีอะไรก้ใส่ลงไปหมด เสียทั้งเงิน แถมรถยังไม่แรง... ครับ

เอาเป็นว่านึกอะไรไม่ออก มาคุยในนี้ฮะ  :)
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย
Post by: kamolwat_t on 27 Jun 2009, 00:02
หลังจากที่ ได้ตั้วไว้นานมาก...ตอนนี้ว่างมาต่อแล้วฮะ...

เอาเรื่อง กลางๆ ก่อนแล้วกัน หัวข้อใหญ่...เลย... คือ

เราจะใช้ ของแต่ง หรือเซ็ทรถเราเองอย่างไรดี...

อันนี้ เป็นคำถามบ่อยมากครับ ผมเองก็ ตอบไม่ได้อะ ต้องตอบก่อนกลางๆว่า.... อยู่ที่ลักษณะการใช้งานครับ  :)

เพราะว่า  แต่ละคนมีลักษณะการใช้รถต่างกันออกไป ครับ

บางคน ขับเร็ว (เร็วคือ ว่างปุ๊บก็กด มิด ขับ 140-180 ตลอดเมื่อมีโอกาส ) แต่เขาอาจจะไม่ชอบขับมุดๆ ก็ได้

บางคน ขับไม่รอ คือพวกชอบมุดครับ ความเร็วย่าน 60-120 คือ ความเร็วที่ชอบ ขับมาปรกติๆ พอรถเยอะเข้าหน่อย แทนที่จะช้าลง กลายเป็นขับเท่าเดิม แต่วิ่งครบทุกเลนเลย...(ผมเอง น่าจะอยู่พวกนี้) แต่อาจจะไม่ชอบขับเร็วก็ได้ ขับเต้มที่ก็ 120-140 เวลาทางไกลๆ

หรือ อาจจะแค่ ขับ สบายๆ ไปให้ถึง กลับให้ได้ ไม่ได้แข่งกับใคร...

แต่ละกลุ่มจะมีลักษณะการใช้งานรถให้ต่างกันครับ (ผมยังไม่พูดถึงเรื่องความสวบงามนะครับ เอา ประโยชน์ก่อน)

เรื่องง่ายๆที่มีคนถามบ่อย สืบเนื่องมาคือ... ใช้ช่วงล่างอะไรดี...  :ตาปิ้ง:

ถ้า เราขับแบบ 2 ประเภทแรก ก็เอาแบบสปอท์หน่อยครับ ง่ายๆ อาจจะแค่ โช้ค แก๊ส ไม่ต้องเปลี่ยนสปริง หนักกว่านั้น อาจจะ เป็น สปริงด้วย ราคาก็ต่างกันออกไปแต่ละแบรนด์และรุ่นนั้นๆครับ

ยกตัวอย่าง corsa  ที่มีในตลาด ไล่จากอ่อน ไปแข็งคือ บิลสไตล์ ไอบัค(ชุดที่แขวนที่อู่พี่สิน) ต่อด้วย ไอบัค H&R ตัว 1400 H&R ตัว 1600 ราคาก็อยู่ในช่วง 6-7000 ครับ ที่แน่ๆคือมันจะโหลด 1.5-2.5 นิ้ว ขึ้นอยู่กับ นน.บรรทุกว่าของเยอะไหม ครับเป็นค่าโดยประมาณ สิ่งที่ได้ตามมาคือเมื่อมันโหลดลงไป เวลา เข้าโค้ง CG รถจะเตี้ยลง และค่า ความแข็งของสปริงจะสูงขึ้น ทำให้เข้าโค้งได้ความเร็วมากขึ้น(ถ้ายางไม่ลื่นนะครับ)

เดี๋ยวผมให้ดู กราฟ์ดีกว่าว่า เวลาเราทำรถ แล้ว อะไรมันจะเป็นยังไงบ้าง... เวลา เราเห็นในสิ่งตรงกันข้ามแล้วเราจะได้ เข้าใจได้ง่ายขึ้นครับว่า ทำไม มันจึงได้แบบนั้นและข้อจำกัดมันคืออะไรฮะ
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย
Post by: ksuchon on 27 Jun 2009, 00:16
จากแผนภาพนะครับพี่ต้น ผมอยากอยู่ตรงกลาง กากบาท ที่สุดเลยครับ

กำลังดี รถใช้งาน ขับสนุก อยู่ตรงกลางระหว่าง ความประหยัดกับ สมรรถณะ
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย
Post by: kamolwat_t on 27 Jun 2009, 00:30
มาอธิบายกันเป็น ตัวๆไปครับ

Performance คือ การเน้นการตอบสนอง ที่ดีเยี่ยม อาจจะเป็น ของแต่ง ท่อไอเสีย หรือช่วงล่างที่ ตอบสนองดีๆ ยิ่ง มาในทิศทางนี้มากๆ จะยิ่งสูญเสียความสบายในการขับไปครับ

comfort คือ เน้นความสดวกสบาย ครับ อาจจะ เป็น ของเดิมๆ โช้คนิ่มๆ ที่รองเบาะ ซึ่งยิ่งมาในทิศทางนี้มากๆ จะยิ่งสูญเสีย การตอบสนองในการขับรถไปครับ

2 อย่างข้างบนจะตรงข้ามกันครับ

Race คือ เน้นการใช้งานในสนามแข่งเป้นหลัก เช่นเครื่องแรงสำหรับสนาม(แต่ขับใช้งานปรกติยากมาก) เกียรโครส ช่วงล่างสนาม (เกือบจะกระดาน แต่จำเป็นในสนามและอาจจะปรับแต่งได้หลากหลาย) ยางสนาม(เกาะพื้นมากแต่หมดเร็ว) ยิ่งมาในทิศทางนี้มาก ก็จะยิ่ง เป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานในสนามเท่านั้น แต่อาจจะไม่เหมาะกับการใช้งานชีวิตประจำวัน ในกรณีที่เงินจ่ายเท่ากันครับ

Street คือ เน้นการใช้งานบนท้องถนนเป็นหลัก เช่น เครื่อง เซ็ทไม่แรงมากแต่ขับง่าย ช่วงล่างถนน ที่ไม่แข็งมาก(เพราะว่า ถนนบ้านเรามีหลุมมีบ่อตลอด) แต่ดีกว่าปรกติเดิมๆ ยางถนนดีๆ(เกาะกว่าเดิมๆแต่ก็ยังใช้งานได้ เป็นปีๆ) โดยจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นหลักครับ ลงสนามได้แต่ว่าได้แบบขับสนุก แข่งไปก็สู้รถเซ็ทแบบสนามแท้ๆ ที่เงินจ่ายเท่ากันไม่ได้

สังเกตุไหมครับว่า  ผมจะใช้ 2 คำหลัก คือ เน้นการใช้งานแบบใด และ เงินที่จ่ายเท่ากัน

เหตุผลเพราะว่า...

1. เราต้อง ตอบตัวเองให้ได้ก่อนครับ ว่าเราใช้งานรถแบบไหนเป็นหลัก เวลาที่เราจ่ายเงินออกไป มันอาจจะมีนอกประเด็นมาก แต่ก็ยังรู้ว่า มันต้องไปในทิศทางใดครับ ถ้าเราหลงทางซะก่อนไม่มีเข็มทิศ เราจะเลื่อกของมาใช้ ...อ่า.... เรียกว่าไม่คุ้มค่าแล้วกัน ครับ อาจจะจ่ายเงินโดยเปล่าประโยชน์(แต่ห้ามไม่ได้นะครับถ้าใจรัก :) ) แค่บอกเป็นแนวทางครับว่า น่าจะเป็นแบบใด... :)

2. เงินที่จ่ายลงไป ถ้าเรามีทิศทางการทำรถมันจะใช้เงินได้ ประโยชน์ดีกว่า... เช่น... อยากนั่งสบายๆนุ่มๆ แต่ดันไปซื้อสปริงโหลดมาใส่..แล้วบอกว่าแข็งจัง ไม่ชอบเลย.. หรือ อยากมีเบาะหล่อๆ ก็ไปเอาเบาะหลังแข็งมาใส่(อยากสบายๆต้องเปลี่ยนโช้คที่การตอบสนองสบายๆครับ) แล้วบ่นว่าเข้าออกรถลำบาก(จริงๆ ไปหาเบาะสวยๆ หรือหุ้มเบาะใหม่น่าจะดีกว่า) ถ้าถามว่า มี ของเทพไหม... มีฮะ... เช่น ช่วงล่างรถถนนเทพๆ ที่เรียกกันว่า นุ่มหนึบ ขับบนถนนดีมาก แข็งนิดๆแต่ไม่กระด้าง ไม่โยน(อธิบายยากครับ ต้องลองนั่ง) แต่มันเอาไปลงสนามไม่ได้นะครับ ยังนุ่มไปสำหรับสนาม ถ้าจะเอาแบบลงสนามได้ด้วย มันก็จะออกมาแบบครึ่งๆกลางๆ ไม่ดีที่สุดทางใดทางหนึ่ง ถามว่าชอบไหม... อยู่ที่คนขับครับ ว่าชอบหรือไม่.. ถ้าชอบก็จบ... โช้คเทพๆ ราคา เริ่มตั้งแต่ 30000-80000 เป็นอย่างต่ำ (ของมียี่ห้อนะครับ) ผมเงินไม่เหลืออ่ะพึ่งออกจากงาน ขอขับบ้านๆสนุกๆพอฮะ  :อุ่น:

ฉะนั้น.... ทั้งหมดทั้งปวง..มันจะอยู่ที่ ความพอดีในการใช้งานของเจ้าของรถ เท่านั้นเองครับ ลองดูกันเล่นๆก่อนนะครับ คิดดูว่าตัวเองอยู่ตรงไหน.. แล้วลองมาคุยกันครับ อยากที่บอก..กระทู้นี้...คือการจับเข่าคุยกันครับ  :) :) :) :อุ่น:
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย
Post by: kamolwat_t on 27 Jun 2009, 00:33
จากแผนภาพนะครับพี่ต้น ผมอยากอยู่ตรงกลาง กากบาท ที่สุดเลยครับ

กำลังดี รถใช้งาน ขับสนุก อยู่ตรงกลางระหว่าง ความประหยัดกับ สมรรถณะ

มันเป็นรถในอุดมคติที่ไม่มีอยู่จริงครับ...มันต้องเอนไปทางหนึงทางใดแน่นอน... แต่ที่แน่ๆ รถบ้านๆ ออกแบบมาให้ เอนมาทาง Street เป็นหลัก ครับ แล้วเอนมาทาง Comfort มากกว่า อีกฝั่ง ครับ
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย
Post by: kamolwat_t on 27 Jun 2009, 01:12
อ่า...เอา ภาพมาให้ดูเล่นๆครับ... ผมทำ ความรู้สึก ของรถ opel รุ่นหลักๆ ที่ใช้ๆกันอยู่และผมเคยขับนะครับ

อาจจไไม่ตรงนัก จริงๆขึ้นอยู่กับแต่ละคนครับ ว่า มองในจุดไหน ผมจะมอง ด้าน การใช้งานของรถที่ บ. ผู้ผลิตตั้งใจออกแบบมาตอบสนองความต้องการลูกค้าเป็นหลักครับ โดย ไม่คำนึงถึง รุ่นย่อย(ซีดาน แวน) ต่างๆ และตัวพิเศษ(GSI MV6 )ต่างๆ เป็นรุ่นพื้นฐาน นะครับ ในความคิดของผม

โอเมะ สบายๆโคตรๆ หาใครเปรียบ แต่ขับที่ 190 ก็ยังนิ่งๆ

เวคต้า สบายน้อยลงมานิดคันเล็กลงมาหน่อย ออกสปอต์กว่า พี่ใหญ่ข้างบน

แอสต้า รถซีดานเน้นการใช้งานหลากหลาย ไม่นุ่มมากแบบ เวคต้า แต่ก็ยังใช้งานได้ทั่วไป

คอซ่า รถเล็ก ไม่ค่อยนุ่มล่ะ เน้นขับในเมือง แต่ขับ ที่ 140 ก็ยังนิ่งกว่าหลายๆยี่ห้อ

คาเดท มีตำนานมากมาย พื้นฐาน ดีมาก ยิ่ง gsi ไม่ต้องพูดถึงเลย

คาลิบร้า รถออกแนวสปอต์ ใช้งานปรกติพอได้ แต่ขนของไม่ได้เยอะ เจอหลุมเจอบ่อต้องคลานๆ เพราะความเป็นสปอต์ ของรุ่นนั้นเอง

อย่างว่าครับ ในใจหลายๆคนอาจไม่ตรงกับผมหรอกฮะ อยู่ที่ว่า มองจากอะไร...

แต่สังเกตุว่า มันจะ ลงมากองกันข้างล่างๆ กลางๆ ซะส่วนใหญ่ครับ เพราะว่า ผมมองว่ามันออกแบบมาให้ใช้งานบนนถนนนั้นเอง(ตอนที่ออกจาก 0 )... ถ้า เอามาแต่งเอามาทำมันอีกเรื่องนึงนะฮะ

ดูเล่นๆ ครับอย่าคิดมาก... :) :) :) เดี๋ยวยังมีคุยกันได้อีกเยอะเลย... :)
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย
Post by: Rin-Mega-Sewagon on 27 Jun 2009, 08:20
น่าสนใจ น่าติดตาม งานเขียนของ ต้น นะ ...ว่างจะไปลูบเข่าด้วยละกัน
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย
Post by: kamolwat_t on 27 Jun 2009, 08:27
น่าสนใจ น่าติดตาม งานเขียนของ ต้น นะ ...ว่างจะไปลูบเข่าด้วยละกัน

แฮะๆๆๆ :-[  ขอบคุณฮะ :ตาปิ้ง:
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย (opel แต่ง ตั้งแต่ใช้บ้านๆยันวิ่งสนามได้)
Post by: thiratoon on 03 Sep 2009, 12:32
ขอบคุณมากสำหรับความรู้ ที่ปันให้ครับ
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย (opel แต่ง ตั้งแต่ใช้บ้านๆยันวิ่งสนามได้)
Post by: pakavat on 03 Sep 2009, 12:37
ดีๆพี่ จัดต่อไปๆๆ รอดูๆๆ
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย (opel แต่ง ตั้งแต่ใช้บ้านๆยันวิ่งสนามได้)
Post by: Tanu on 28 Sep 2009, 17:24
 :มั้ง:.....ถามมั่งครับ

คุณต้นคิดว่า ช่วงที่ว่างระหว่าง Astra กับ Cadett.....มีอะไรที่แตกต่าง

..และทำให้มันโดดไปด้าน Performance....มากกว่า เยอะ

1 . . . เครื่อง

2. . . ช่วงล่าง

3. . . ปัจจัยอื่นๆ ....




( ทั้งหมดนี้น่าศึกษา ครับ  )
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย (opel แต่ง ตั้งแต่ใช้บ้านๆยันวิ่งสนามได้)
Post by: jannybunny on 28 Sep 2009, 20:09
 :D เยี่ยมมากครับ  :D
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย (opel แต่ง ตั้งแต่ใช้บ้านๆยันวิ่งสนามได้)
Post by: kamolwat_t on 28 Sep 2009, 21:11
:มั้ง:.....ถามมั่งครับ

คุณต้นคิดว่า ช่วงที่ว่างระหว่าง Astra กับ Cadett.....มีอะไรที่แตกต่าง

..และทำให้มันโดดไปด้าน Performance....มากกว่า เยอะ

1 . . . เครื่อง

2. . . ช่วงล่าง

3. . . ปัจจัยอื่นๆ ....




( ทั้งหมดนี้น่าศึกษา ครับ  )

ถ้าเราว่ากันเฉพาะตัวที่ออกแบบมาให้ขับแบบสปอต์ว่านะครับ เช่น ตัว GSI ของทั้ง 2 รุ่น

จริงๆ คาเด็ท ออกแบบมาให้มีความเป็นสปอต์สุงกว่าครับ ทายาทมันคือ แอสต้า3ประตู GSI ครับ

คาเด็ทก็ดีนะครับถ้าไม่ติดว่าปีเก่าไปหน่อยและอะไหล่บางตัวหายาก พื้นฐานรถทำออกมาได้ดีมากๆครับ เดิมๆก็วิ่งกันไล่ไม่ทันแล้ว เหอๆๆ

ถ้าให้บอกว่าอะไร Performance อย่างที่ผมแจ้งไปด้านบน ผมจะมองจากพื้นฐาน รถที่ออกมาจาก 0 เลยครับ... บังเอิญว่า แอสต้า Gsi ที่ขายในบ้านเรา มันไม่ได้วางเครื่อง 2000 ติดตัวมา วางมาเป็นตัว 1800 ครับ ถ้าข้อมูลผมไม่ผิดนะฮะคงต้องถามเกจิ จริงๆอีกทีนึง เอา คาเดท gsi กับแอสต้า gsi ออกจาก 0 มาลงพีระเลย ใช้ยางตัวเดียวกันคนขับคนเดียวกัน คาเด็ทน่าจะได้เปรียบอยู่นิดหน่อยครับ เพราะว่าพื้นฐานเครื่องดีกว่า แต่ถ้ามาเป้นตอนนี้ เอาเงินมาถมกัน แล้วลงสนามผมว่า อยู่ที่การ setup รถครับ ว่าใครทำได้ดีกว่ากันฮะ

เรื่องเครื่อง อย่างที่แจ้งไปด้านบนครับ แฮะๆๆ

ช่วงล่าง ผมไม่ทราบว่าออกจาก 0 มามันสภาพยังไงครับ แต่ถ้าทำลงสนามรีดสมรรถนะ ทั้งคู่ ผมว่า อยู่ที่การเลือกใช้ของและ การ setup ครับ

ปัจจัยอื่นๆ... คาเด็ทgsi ราคาถูกกว่ามากๆๆๆๆๆครับ อยู่ประมาณ 50000-70000 แล้ว แรงเลยครับ ทำระบบให้มันสมบูรณ์ ช่วงล่างแน่นๆ ยางดีๆ ยังไงก็จ่ายน้อยกว่า หาซื้อ  astra สภาพที่วิ่งได้ มาทำแน่นอนครับ ยกเว้นว่าไปซื้อซากมาทั้งคู่ครับ ราคาอาจจะไม่ต่างกันมาก...อยู่ที่เราเลือกเครื่องที่จะเอามาลงด้วยนะครับ...

ถามว่า แอสต้าเอามาแข่งได้ไหม ก็ได้ครับ มีเยอะด้วย...

(http://img.brothersoft.com/screenshots/softimage/o/opel_astra_dtm_screensaver_1-119677-1.jpeg)

ผมชอบคันนี้แหละ...  :-[

(http://files.myopera.com/Mischa/albums/94888/thumbs/Opel_Astra_DTM_49_1024x728.jpg_thumb.jpg)
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย (opel แต่ง ตั้งแต่ใช้บ้านๆยันวิ่งสนามได้)
Post by: jeabjamiro on 28 Sep 2009, 23:53
 ;D เท่าที่ผมมีทั้ง 2 คันนะครับ แอสตร้าแวน กับ คาเด็ทจีเอสไอ

1. เครื่อง c25xe - 20seh รอบและนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเท่าๆที่ผมลองวิ่งดูเท่าที่ถนนมันมีให้วิ่งนะครับ
ความเมามันในการขับคาเด็ทกินขาดทุกประตูคือมันจะทำงานกระชากวิณาญช่วง 4000 ไปแล้วจะปลิวมากๆพอราวๆ 5800-6000 จะหมดรอบแล้วต้องเปลี่ยนเกียร์
ในขณะที่เครื่อง v ทำการกระชากวิณณาณทุกย่าน 3000-4500 ที่กดลงไปซิ่งความปลิวและฟิลลิงต่างกันมากมันจะไปเลื่อยๆพอรู้ตัวอีกทีก็เร็วแล้วคือไม่ได้ลมเท่าที่ควรครับ
ในขณะที่จั๊วแดงนั้นกระชากกระแทกกะทั้นกว่ามาก ส่วนนายศรีหมอกจะขึ้นนิ่มๆ
2. ช่วงล่างก็ต่างกันโดยสิ้นเชิงคือ รถบ้านๆกับ ระเกิดมาซิ่งมันก็ผิดกันตั้งแต่การสร้างแล้วครับและอีกอย่าง น้ำหนักคาเด็ทเบามาก บางมาก กว่าแอสตร้าเยะ จึงปลิวและอีกอย่างช่วงล่างคาเด็ท
มันถูกออกแบบมาสำหรับสับโดยเฉพาะ พวกบูธต่างสามารถอัดปรับค่าได้ แอร์โฟที่สามารถ ตั้งค่าได้แรงมากกินมาก ส่วนแอสตร้าถ้าฝาแดงจริงๆ ก็ปรับได้ครับ
เครื่อง
20seh 130 din
c25xe 170 din

คาเด็ทถ้ามีตังทำเต็มน่าจะรุ่งเช่นกัน อะไหล่ก็ตามประสา แดวู บีเอ็ม วอนโว ทั่วๆไปครับ

http://en.wikipedia.org/wiki/GM_Family_II_engine#20NE.2C_20SE.2C_20SEH.2C_C20NE.2C
3.ปัจจัยอันนี้อยู่ที่ตีนแล้วและว่าจะขับยังไงนะครับ เหอะๆ

ผมเสียใจกับยาง 2003 มาก..........เซ็ง
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย (opel แต่ง ตั้งแต่ใช้บ้านๆยันวิ่งสนามได้)
Post by: kamolwat_t on 29 Sep 2009, 02:53
อ่ะนะ... ยาง...มันซะขนาดนั้นอ่า...

ออ เห็นเจี๊ยบพูดมาแล้ว... นึกขึ้นได้ครับ... รถมันจะประกอบด้วย 3 อย่าง...

1. พื้นฐานตัวรถ

2. เครื่องและเกียร์ที่ใช้

3. ช่วงล่าง

ถ้ามันไม่สมดุลย์กันมันก็ยากครับที่จะเป็นรถที่ดี...

แต่ปัจจัยที่จะทำให้รถมันเร็วคือ คนขับครับ...

มาแยก ว่าเป็นเรื่องๆ

1. พื้น ฐานตัวรถเอาแต่ opel ที่เราเห้นกันบ่อยๆก่อนนะครับ...  :)

เรามีรถแข่ง ของเราเอง ก็ประมาณนี้...

corsa

http://www.eurorallye.co.uk/images/hughcorsa1.jpg

kadet e

http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/c/c0/Saxony_rally_racing_Opel_Kadett_GSI_16V_33_%28aka%29.jpg

astra

http://farm4.static.flickr.com/3534/3743374358_eddf57e88c_o.jpg

vectra b

http://www.touringcartrophy.com/history/saison2005/photos_dijon/photo023.jpg

Calibra

http://www.kcc.zaq.ne.jp/super1600models/gallary/big.calibra.dtm.jpg

omega b

http://www.club-opel.com/graphics/owners/full/392_109_omega_15.jpg

เห็นไหมครับว่า รถรุ่นหลักๆของเราสามารถนำมาใช้ในการแข่่งขันได้หมดฮะ...แต่ว่ารถรุ่นใคที่เหมาะที่จะนำมาใช้ในการแข่งขันแบบใดนั้น มันอยู่ที่พื้นฐานรถครับ สังเกติดูรถท้ายสั้นๆ แบบ corsa กับ kadet นั้น เอามาทำแรลลี่ ทั้งคู่เลย... แต่รถที่เป้นทรงซีดานยาวๆ แบนๆ เอามาทำรถ เซอร์กิตครับ คิดเล่นๆว่า...ถ้าเอา Calibra มาขับจิมคาน่า แข่งกับ corsa c14nz แค่มอง รถก็พอที่จะรู้ครับว่ารถอะไรน่าจะเข้าเส้นชัยก่อน...ในทางกลับกัน เอามาลงสนามเซอร์กิต ก็คงไม่ต้องสืบอีกเช่นเดียวกัน ถ้าคนขับคนเดียวกันนะครับ

ยกตัวอย่าง ตัวถังของรถต่างยี่ห้อบ้าง civic 3 door ครับ สังเกตุไหมครับว่าทำไมมันเต็มสนามเลย.. รุ่น 4door ไม่่ค่อยเห็นใครเอามาทำรถแข่ง...

เพราะว่า ตัวถังที่เบากว่าครับ ในสนามแข่งทำได้เบากว่า 1 kg ก็มีผลครับ ตัด เจาะ รื้อ ออกกันหมด เพื่อให้เบากว่า อย่างตัว 3 door ที่เห็นเกลื่อนสนามนั้น นน. น่าจะแค่ 7-800 kg เท่านั้นเองครับ ในขณะที่ corsa ผมเคยชั่งได้ 1000 kg พอดี รวมคนขับ ครับ...

เรื่องที่ 1 ว่าซะยาว.. มาเรื่องที่ 2 บ้าง.. :)

เครื่องยนต์ครับ เครื่องยนต์แต่ละตัวออกแบบมาให้ใช้งานต่างกันครับ เครื่อง c14nz 45 แรงม้า กับ c20ex 150 แรงม้า เราสามารถขับจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ได้เหมือนกัน แต่ว่าขับไม่เหมือนกัน... :มั้ง: งง ไหมครับ

เอาง่ายๆแค่การสิ้นเปลืองก็ต่างกันแล้วครับ c14 12-14 กม/ลิตร c20 8-10 กม/ลิตร

c14 ขับไปเรื่อยๆไม่รีบที่ 100-120 ใช้เวลา 7 ชั่วโมงถึง...  c20 ขับไปเรื่อยๆ ไม่รีย 100-120 ก็ใช้เวลา 7 ชั่วโมงถึงเช่นกัน และยังกินน้ำมันมากกว่าด้วย... :o

แต่...

ถ้าเรารีบ... c14 มันก็วิ่งได้เต็มที่ 140 ขับๆไปสักพักต้องเบรค กว่าจะขึ้นมาความเร็ส 140 ได้ นานมาก... แต่ถ้าเป็น c20 จะรีบ มันกดได้ถึง 200 ครับ ถ้าจำเป็น จัหวะเร่งแซงก็ไม่ต้องลุ่นมีกำลังสำรองเหลือให้ใช้อีกพอประมาณ มันเลยเป็นการที่ต้องดูเป็นกรณีๆไปว่า.... ขับแบบไหน ใช้รถยังไง นิสัยการขับ การแซงเป็นยังไง ใจร้อนหรือเปล่าหรือว่าไม่รีบ

ในขณะเดียวกัน... การที่จะโมดิฟายเครื่อง...ระหว่างเครื่องตัวนึงที่ 45 แรงม้า จะทำให้มันกลายเป็น 100 ตัว... มันยากครับถ้าจะทำให้แรงและเหนียว... แต่ถ้า เทียบกับ c20xe เดิมมี 150ม้า จะทำให้กลายเป็น 200 มันไม่ยากมากครับ เพราะว่าพื้นฐานเครื่องมันเป็นเครื่องที่ออกแบบมาให้แรงอยู่แล้ว..ผิดกับ เครื่อง c14 nz ที่ทำมาไว้จ่ายกับข้าวครับ :)

เอาแค่เป็นตัวอย่างพอหอมปากหอมคอนะฮะ..แฮะๆๆ เครื่องตัวอื่นก็ ตามลักษณะนิสัยเครื่องครับ...เช่น

เครื่อง 4สูบ 8v แรงบิดมารอบต่ำ ขับง่ายออกตัวง่าย แต่รอบสูงๆความเร็วสูงๆ ไม่ค่อยมีอัตราเร่งแซง..

เครื่อง 4สูบ 16v แรงบิดมารอบสูง รอบต่ำๆขับแล้วไม่ค่อยมีแรงเท่าไร แต่ถ้ารอบสูงๆ จะมีแรงให้ใช้งานได้ดีกว่าขับลากรอบสนุกกว่า

เครื่อง 6สูบ 24v ออกแบบมาให้แรงบิดสม่ำเสมอและต่อเนื่องครับไปเรื่อยๆไหลๆ ไม่กวาดรอบแบบ 16v ที่สูบน้อยกว่า แต่จะมีแรงบิดที่สูงเนื่องจากจำนวนกระบอกสูบที่มากกว่า

เครื่องแต่ละตัว ออกแบบมาให้ใช้งานไม่เหมือนกันครับ

มาเรื่องที่ 3  ช่วงล่าง...  :)

รถบ้านๆ ทำช่วงล่างดีๆ เวลาเข้าโค้งก็ไม่ต้องใช้เบรคมาก ออกโค้งได้ไวเพราะว่าไม่เสียความเร็วในโค้ง ในขณะที่ รถแครื่องแรง แต่ไม่ได้ทำช่วงล่าง ขับทางตรงมานำโด่งเลย..แต่พอเข้าโค้งต้องเบรคแทบจะคลานเพราะว่ารถมันโยน.... ก็มีสิทธ์โดน รถบ้านๆแซงนะครับ... อันนี้ เจอมากับตัวครับ corsa ทำช่วงล่างเนี้ยแหละ พอรถที่ขับไล่ตามลงข้างทางไปเยอะแล้ว...เพราะว่าเขาคิดว่า เราเข้าโค้งนี้ได้ มันก็ต้องเข้าได้เหมือนกัน แต่ว่าไม่ได้ดูเลยว่ารถตัวเองทำช่วงล่าง อะไรมาบ้าง :เครียด:

ยิ่งรถที่ได้รับความนิยมก็จะมีของแต่งมาให้เลือกใช้มากตามไปด้วยครับ... :) แต่การเซ็ทอัพเพื่อใช้งานของแต่ละคนก็ต่างกันออกไปอีก.... เรื่องนี้คุยได้เป็นวันๆครับ.. :)

เรื่องสุดท้าย คนขับครับ... ผมจำได้ว่า เคยมีเรื่องที่ เฮียชู(ชูมาคเกอร์) เรียกแทกซี่จากโรงแรมไปสนามบิน แต่ว่า รถแทกซี่ขับช้าไม่ทันใจ(เป็น opel ซะด้วยแต่จำชื่อไม่ได้) ด้วยความที่กลัวว่าจะตกเครื่องเลยต้องขอขับเองครับ... ล่อซะ เมืองแทบแตก... ขับลายสนามโคตรๆ (จากคำบอกเล่าของแทกซี่) เอาใกล้ตัวกว่านั้น... ให้ผมขับรถ corsa ของใครก็ได้ กับให้เชอร์รี่ขับ ลองเอาเวลาต่อรอบมาเทียบกันก็ต่างกันแล้วครับ... ของแบบนี้มันอยู่ที่การฝึกฝนครับ ขับเป็น 10 ปีถ้าฝึกไม่ถูกต้องจดจำในสิ่งที่ผิดๆ ยังไงซะมันก็สู้คนที่ ขับมา 2 ปีแต่ว่ามีพื้นฐานที่ดีไม่ได้ครับ :หึหึ:

ทุกอย่างต้องอาสัยความเข้าใจครับ :) แต่ปัญหาคือ ตัง.... :'( :สำนึก: :please:
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย (opel แต่ง ตั้งแต่ใช้บ้านๆยันวิ่งสนามได้)
Post by: jeabjamiro on 29 Sep 2009, 15:25
 :D ใช่เลยต้องรู้นิสัยไม่ใช่ ยัดๆไปก็วิ่งแต่กิน พลังชีวิตรถมากมายครับ
คือแต่ละคัน แต่ละรุ่นมันเกิดมาเพื่อใช้งานต่างดัน ถ้าจะทำก็ต้องเอามาลบออกให้หมดแล้วปรับใหม่ซึ่งถ้า รวยๆก็ทำไรก็ได้
โดนไปถมไปนะเหอะๆ แต่แบบเราๆนะทำแบบพอไปวัดได้ก็พอแล้ว รถสิบๆปี วิ่งกัน 100-200 ก็หรูแล้วผมว่านะที่เราขับๆกันนะลองไปขับรถใหม่ๆแล้วจะรู้ทันทีว่า โอ้..คุ้มตังแล้วไอ้ที่มันไม่ปริ๊ดปร๊าด เหมือนๆเขาก็เราหนักขนาดนี้ แข้งขนาดนี้ วิิ่งปริ่วขนาดนี้ก็บุญแล้วผมว่านะ เหอะๆๆ

อีกอย่างสำคัญมากๆ ชุดไทมิ่ง c25xe = 10000
ส่วน 20seh = 600-800 ต่างกันมากครับเหอะๆ


ความเห็นส่วนตัวนะครับถ้าจะขับให้มันเด็มๆทุกเม็ด ช่วงล่างมาก่อน รองมา เครื่องครับ ขับ100 ตลอด
กับ 150 - 80 - 60 ไง 100 ตลอดก็เร็วกว่าดีกว่า ประหยัดกว่าปลอดภัยกว่าครับ

*****

สุดท้ายผมเสียใจ เสียดาย มาก ดันทะลิ่งไปจิ้มแครมรี่ กระเด็นนเลยยง่ะ เซ็งๆๆๆๆๆๆ เหอะๆ ซ่อมกันต่อไปครับ
ขอบคุณจั๊วที่ผมไม่เป็นไรเลย คุณแคมคอเดร็ดเล็กน้อย คุณเมียแม่มบ่นไฟแรบ ดีที่พี่ผู้ชายชิวๆ ไม่งั้นผมยาวววววววว เลย
ขอบคุณครับ
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย (opel แต่ง ตั้งแต่ใช้บ้านๆยันวิ่งสนามได้)
Post by: Tanu on 29 Sep 2009, 18:13
:มั้ง:.....ถามมั่งครับ

คุณต้นคิดว่า ช่วงที่ว่างระหว่าง Astra กับ Cadett.....มีอะไรที่แตกต่าง

..และทำให้มันโดดไปด้าน Performance....มากกว่า เยอะ

1 . . . เครื่อง

2. . . ช่วงล่าง

3. . . ปัจจัยอื่นๆ ....




( ทั้งหมดนี้น่าศึกษา ครับ  )

ถ้าเราว่ากันเฉพาะตัวที่ออกแบบมาให้ขับแบบสปอต์ว่านะครับ เช่น ตัว GSI ของทั้ง 2 รุ่น

จริงๆ คาเด็ท ออกแบบมาให้มีความเป็นสปอต์สุงกว่าครับ ทายาทมันคือ แอสต้า3ประตู GSI ครับ

คาเด็ทก็ดีนะครับถ้าไม่ติดว่าปีเก่าไปหน่อยและอะไหล่บางตัวหายาก พื้นฐานรถทำออกมาได้ดีมากๆครับ เดิมๆก็วิ่งกันไล่ไม่ทันแล้ว เหอๆๆ

ถ้าให้บอกว่าอะไร Performance อย่างที่ผมแจ้งไปด้านบน ผมจะมองจากพื้นฐาน รถที่ออกมาจาก 0 เลยครับ... บังเอิญว่า แอสต้า Gsi ที่ขายในบ้านเรา มันไม่ได้วางเครื่อง 2000 ติดตัวมา วางมาเป็นตัว 1800 ครับ ถ้าข้อมูลผมไม่ผิดนะฮะคงต้องถามเกจิ จริงๆอีกทีนึง เอา คาเดท gsi กับแอสต้า gsi ออกจาก 0 มาลงพีระเลย ใช้ยางตัวเดียวกันคนขับคนเดียวกัน คาเด็ทน่าจะได้เปรียบอยู่นิดหน่อยครับ เพราะว่าพื้นฐานเครื่องดีกว่า แต่ถ้ามาเป้นตอนนี้ เอาเงินมาถมกัน แล้วลงสนามผมว่า อยู่ที่การ setup รถครับ ว่าใครทำได้ดีกว่ากันฮะ

เรื่องเครื่อง อย่างที่แจ้งไปด้านบนครับ แฮะๆๆ

ช่วงล่าง ผมไม่ทราบว่าออกจาก 0 มามันสภาพยังไงครับ แต่ถ้าทำลงสนามรีดสมรรถนะ ทั้งคู่ ผมว่า อยู่ที่การเลือกใช้ของและ การ setup ครับ

ปัจจัยอื่นๆ... คาเด็ทgsi ราคาถูกกว่ามากๆๆๆๆๆครับ อยู่ประมาณ 50000-70000 แล้ว แรงเลยครับ ทำระบบให้มันสมบูรณ์ ช่วงล่างแน่นๆ ยางดีๆ ยังไงก็จ่ายน้อยกว่า หาซื้อ  astra สภาพที่วิ่งได้ มาทำแน่นอนครับ ยกเว้นว่าไปซื้อซากมาทั้งคู่ครับ ราคาอาจจะไม่ต่างกันมาก...อยู่ที่เราเลือกเครื่องที่จะเอามาลงด้วยนะครับ...

ถามว่า แอสต้าเอามาแข่งได้ไหม ก็ได้ครับ มีเยอะด้วย...

(http://img.brothersoft.com/screenshots/softimage/o/opel_astra_dtm_screensaver_1-119677-1.jpeg)

ผมชอบคันนี้แหละ...  :-[

(http://files.myopera.com/Mischa/albums/94888/thumbs/Opel_Astra_DTM_49_1024x728.jpg_thumb.jpg)


เคลียร์ ครับ .....แจ่ม  :D
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย (opel แต่ง ตั้งแต่ใช้บ้านๆยันวิ่งสนามได้)
Post by: jeabjamiro on 30 Sep 2009, 01:05
อัตราสิ้นเปลือง
: c25xe ใช้ปกติในเมือง 8-8.5 โลลิตร ตจว. 12 โลลิตรได้
: 20seh ในเมือง 8-9 โลลิตร กรองอากาศเน่า ยาง 2003 และก็ ตจว.ยังไม่มีโอกาสเลยครับ
ความเร็วปกติ 100-120 ได้ครับทั้ง 2 อัน พยายามไม่เกิน 3500 รอบเหอะๆ แต่ยากมาก
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย (opel แต่ง ตั้งแต่ใช้บ้านๆยันวิ่งสนามได้)
Post by: plawahn on 30 Sep 2009, 05:11
พี่เจี๊ยบ

ที่พี่ว่าคาเด็ดมันบางกว่าแอสตร้าเนี่ย บางก่าเยอะมะอ่ะ


แล้วจั๊วเซตช่วงล่างแนวไหนอ่ะพี่
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย (opel 
Post by: jeabjamiro on 30 Sep 2009, 10:07
 :( มากครับสามารถ กดให้บุบได้ ก็รถ1ตันนะ
1988 Opel Kadett 2.0 GSi

Wheelbase: 2520 mm (99.2 in)
Track: front - rear
Length: 4000 mm (157.5 in)
Width :1666 mm (65.6 in)
Height: 1363 mm (53.7 in)
Length: wheelbase ratio - 1.59

Ground clearance:
Kerb weight: 1007 kg (2220 lb)
Weight distribution: front

Drag coefficient: 0.320
Frontal area
ช่วงล่างก็แนวตามอัตภาพวะ คือใช้ของเหลือๆมาทำนะ
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย (opel แต่ง ตั้งแต่ใช้บ้านๆยันวิ่งสนามได้)
Post by: QgomKing on 30 Sep 2009, 12:49
ความรู้ๆ ขอบคุณครับ ;)
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย (opel แต่ง ตั้งแต่ใช้บ้านๆยันวิ่งสนามไ
Post by: chairai on 05 Oct 2009, 10:38
อัตราสิ้นเปลือง
: c25xe ใช้ปกติในเมือง 8-8.5 โลลิตร ตจว. 12 โลลิตรได้
: 20seh ในเมือง 8-9 โลลิตร กรองอากาศเน่า ยาง 2003 และก็ ตจว.ยังไม่มีโอกาสเลยครับ
ความเร็วปกติ 100-120 ได้ครับทั้ง 2 อัน พยายามไม่เกิน 3500 รอบเหอะๆ แต่ยากมาก



มาระยองดิเจี๊ยบพี่อยากลองมั่งอ๊ะ มาฆ่าแมวกันเนอะ พาแฟนมาด้วยก็ได้นอนซักคืน ไม่ต้องห่วงเรื่องที่พักน๊ะ
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย (opel แต่ง ตั้งแต่ใช้บ้านๆยันวิ่งสนามได้)
Post by: kamolwat_t on 14 Aug 2010, 16:30
สวัสดีครับ.. หลังจากที่ คิดอยู่นานว่า จะทำกระทู้ใหม่เลยหรือว่า จะมาต่อที่ในกระทู้นี้ดี....

สุดท้ายคิดว่า มาต่อที่กระทู้นี้ดีกว่า จะได้ รวบรวมให้มันอยู่ในหัวเรื่องเดียวกันครับ...

รอบนี้ ยังอยู่ที่ ระบบช่วงล่างครับ เพราะว่าผมถือว่า เป็นสิ่งที่ทำให้รถ ที่เครื่องแรงน้อยกว่า สามารถไปได้เร็วกว่า รถที่มีเครื่องแรงกว่าได้

สิ่งที่จะมา เล่าสู่กันฟังคือ เหล็กกันโครงครับ

(http://www.sindrauto.com/smf/index.php?action=dlattach;topic=107.0;attach=97;image)

ประโยชน์ของมันคือลดอาการโยนตัวของช่วงล่างและทำให้รถทรงตัวได้ดีขึ้นครับ

ผมเป็นคนที่น่าจะได้ใช้เหล็กกันโครง ทุกรุ่น ของ corsa ถ้าไม่นับของแต่งนะครับ นับตั้งแต่...

ไม่มีเหล็กกันโครงเลย ( corsa city )

เหล็กกันโครงไซท์ปรกติของบ้านเรา ( corsa เครื่อง c14nz ที่มีในบ้านเรา ) ขนาดเท่าไรจำไม่ได้ล่ะ แต่ว่าประมาณ นิ้วก้อย

เหล็กกันโครงตัวนอก ( corsa ที่ขายตามเชียงกง ) ขนาดเท่าไรก็จำไม่ได้เช่นกันแต่ว่าขนาดประมาณ นิ้วชี้

เหล็กกันโครง corsa Gsi ขาาด 24 mm ประมาณนิ้วโป้งครับ

เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า รถผมเจ้าชิโรโร่ ตอนที่ไปชนมาแล้วต้องเปลี่ยนตัด ศอกหน้า พร้อมทั้งปีกนกและหนวดกุ้ง ผมใช้ ของเชียงกงครับ มันเลยได้ตัว เหล็กกันโครง ตัวนอกมาด้วย แต่ว่าเป็นไซท์กลางนะครับ ไม่ใช่ Gsi แบบที่เคยใส่อยู่

แต่่ว่า ด้วยความที่ว่าไม่อยากใช้เลย ใส่ตัวกัน โครง Gsi ซึ่งมันเบี้ยวตอนชน แต่ว่าอู่สีไม่ได้บอกผม เขาท่าจะไม่รู้ :วิญญาณ:

พอมันเบี้ยว เวลาที่ขับ มันจะมีเสียง ก๊อกๆ ใต้รถฮะมาขึ้นฮ้อยถึงรู้เลยถอดออก วิ่งตัวเปล่า

ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่า ไอ้กันโครง Gsi เนี้ยมันดีกว่าเก่ายังไงเพราะว่าใส่เลยตั้งแต่ตอนวางเครื่อง 2000 แลยไม่มีตัวเปรียบเทียบ จนได้มาลองถอดออกแล้ววิ่งใช้งานนี่แหละครับ...

จึงได้รู้ว่า เวลาที่ไม่มีเหล็กกันโครงเนี้ย รถผมโคตรนุ่มเลย... ขับไม่เด้งๆ ความรู้สึกของพื้นถนนมันิาจจะไม่คมเหมือนเดิม ( รถผมเบาะคนขับเป็นหลังแข็งครับ เจออะไรรู้หมด) แต่ขับสบายครับ เดินทางไกล ไปเรื่อยๆ ไม่รีบไม่มุดก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ตรงกันข้าม กลายเป็นว่า มันไม่เมื่อยครับ ไม่ต้อง จับความรู้สึกถนนตลอดเวลา เพราะว่าการตอบสนองของช่วงล่างยืดหยุ่นขึ้น เวลาที่มุด ก็มุดได้ครับ แต่ว่า เวลากระชากรถ จะตอบสนองช้าลงไปนิดนึง สัก 1/2 วิ (บางคนอาจจะบอกว่า เวอร์หรือเปล่าแต่ว่า 1 วินาทีรถเคลื่อนที่ 60 km/h ได้ 16.6 เมตรนะครับ ในช่วงคับขัน เสี้ยววินาทีมีความหมายครับ อีก 5 cm จะชนอยู่แล้ว กับ ถ้าได้อีก 5 cm จะไม่ชน ค่าซอมต่างกันหลายอยู่ครับ ) เนื่องจากพอรถมันช่วงล่างยุบตัวได้มากขึ้น มันเลยใช้เวลาคืนตัวก่อนที่จะกระชากรถมากขึ้นตามไปด้วย

แต่ว่าไม่ใ่ช่ว่า ให้ใครที่มี ถอดออกนะครับ มีน่ะดีแล้วครับ มันก็ไม่ได้กระด้างน้อยต่างจาก ของเดิมๆติดรถเท่าไรครับ ผมเทียบกับ ตัว Gsi มันลยต่างมากอยู่ึีครับ....

มาต่อกันที่ตัวกันโคลงตัวนอกบ้าง 16v (ของตัวบ้านเราผมข้ามเลยนะครับ เพราะว่า ลองตอนที่มันอญุ่กับชิโรโร่แปบเดียวก่อนวางเครื่อง)

ตัวนี้ผมใส่หลังจาก ถอดกันโครง Gsi ออกแล้ววิ่งตัวเปล่าประมาณ 15 วันครับ การตอบสนองของช่วงล่าง กระชับกว่าเดิม ไม่กระด้างมาก ขับถนนสบายๆครับ คาดว่าน่าจะดีกว่า ตัว เดิมติดรถพอสมควรครับ ผมใช้ตัวนี้ อยู่พักใหญ่ๆ ลงสนาม แก่งกระจานก็ตัวนี้

ผมว่าเป็นตัวกันโคลงที่ พอดีกับถนนบ้านเรามากที่สุดครับ ถนนเลวยังกะดวงจันทร์ ไม่กระด้างไปไม่นุ่มไป ขับยังสบายอยู่ครับ

แล้วก็ตัวสุดท้าย ที่ใส่อยู่ตอนนี้ ของ Gsi ครับ กระชับมาก อย่างเห็นได้ชัด เข้าขั้นเด้งกระเทือนตลอด การตอบสนองของช่วงล่างคมขึ้นมาเยอะครับ ถ้าคนที่ไม่เคยขับรถผมอาจจะเข้าขั้นรำคารได้

หลังจากที่ได้ไปทดสอบที่อ.ปายมาเมื่อวาน เข้าโค้ง ยัดได้ครับ แต่ว่า ก็ไปแก้อาการเอาในโค้งถ้าถนนมันเป็นลอนๆคลื่นๆ ซึ่งเยอะมากๆ แต่ผมว่า ถ้าเทียบกับตัว 16v ผมว่า ตัว 16v คนทั่วไปขับน่าจะเครียสน้อยกว่าครับ ตัว Gsi เวลามันเจออะไร ช่วงล่างมัน บอกหมดเลย เราต้องรับความรู้สึกของถนนนั้นทั้งหมดแม้ว่าจะไม่จำเป็นก็ตาม (นึกถึงเวลาขับโกคาทร์ครับ ขับ 15 นาที เมื่อยกันไป 3 วัน)

ถ้าถามผมว่า มันจำเป็นไหมที่ผมต้องใช้ ตัว Gsi ผมว่า ด้วยนิสัยการขับของผม ผมจำเป็นครับ ช่วงล่างทำมาแล้ว เบรคทำมาแล้ว มันจะเป็นส่วนที่เสริมให้ทุกส่วนทำงานประสานกันได้ดีขึ้นในสนามครับ (แต่บนถนนผมว่า ตัว 16v ขับง่ายกว่าแม้ว่าความกระชับสู้ Gsi ไม่ได้ก็ตาม เพราะว่า เราม่ได้รีบมุดไปมุดมาตลอดเวลานิครับ)

ผมเองก็สงสัยว่า ทำไมหลายๆคนถึงได้อยากได้ กันโครงตัว Gsi กันนัก ไม่รู้เพราะว่ามันหายากหรือไม่ หรือว่าอยากไ้ด้อะไรก็ได้ที่มัน เป็นของตัวท๊อป หรือว่าเป็นของแต่ง โดยไม่ได้ดูว่าลักษณะการใช้งานทั่วไปของเรามันเหมาะสมหรือไม่ บางอย่างยังไม่ทำก็ขับเร็วได้ครับ

รถ corsa เครื่องเดิมๆ ยาง 15 ยาง BF เหล็กกันโครงเดิม ใส่ช่วงล่าง H&R ราคา 6000 กับ โช้ค แก๊สไรเดอร์ ชุดละ 5300 บาท เจ้าของสามารถขับลงอุโมงค์เกษตร ที่ความเร็ว 140 ได้ (ใช้  fullline นะครับ) แต่ไม่ได้บอกว่า จะทำแบบนั้นได้ทุกคนนะครับ มันอยู่ที่ทักษะการขับด้วย

ผมจึงย้ำบ่อยๆว่า เวลาที่จะใส่อุปกรณ์ให้กับรถของเราเนี้ย ให้ดูก่อนว่า เราจะทำรถแนวไหน - อะไรจำเป้นบ้าง - แล้วเริ่มจากอะไร เช่น

อยากทำช่วงล่างให้ขับสนุกขึ้น มุดได้ดีขึ้น แล้วจะมาซื้อเหล็กกันโครง Gsi ราคา 4500 แล้วช่วงล่างเดิมสปริงเดิม ล้อ14 ยางเดิม หรือว่าเป็นล้อ 15 ยางเส้นละไม่ถึง 2000 เนี้ยมันผิดลำดับครับ

ถึงแม้ว่ามันไม่ใช่สูตรสำเร็จนะครับ แต่ว่า ลำดับการทำแบบที่ไม่เปลืองเงิน โดยใช่เหตุและไม่ต้องซื้อของที่ไม่จำเป็น มันเริ่มแบบนี้ครับ

1. อย่างแรกเลย ถ้าคุณอยากจะไปได้เร็วขึ้นต้อง ใช้ ล้อที่เหมาะสมก่อน แน่นอนครับ สำหรับ corsa มันต้องล้อ 15 นิ้วเป็นมาตราฐานครับ จะกว้าง 6.5 หรือ 7 นิ้วก็ว่ากันไป เพระว่า ที่ล้อขนาดเล็กกว่านี้จะไม่มียาง เกรด sport ให้ใช้ครับ อาจจะมีแต่ก็ราคาแพง แก้มยางหนา ไม่เหมาะที่จะขับแบบ sport ครับ

แนะนำว่า ให้ใช้ล้อที่มีคุณภาพหน่อยนะครับ lenso ก็ได้ พวกแม๊ก ไต้หวัน หรือแม๊กก๊อป ไม่ค่อยแนะนำครับ... evo ก๊อป บ้านเรา ผมเห็น สะกิดกำแพงนิดนึง แม๊กแตกเลยครับ คาตาเลย...  :-X

จะรักการขับที่มัน รุนแรงขึ้นมันต้องจ่ายมากขึ้นตามไปด้วยนะครับ จ่ายค่าของแต่งที่จำเป็นแพง กับค่าซ่อมรถตอนที่ชน แม้เงินจะเท่ากันผมว่า คงไม่อยากมีใครอยากเสียเงินค่าซ่อมรถตอนที่มันชนไปแล้วครับ ( เหมือนว่าผมจะโดนเ็ต็มๆเลยข้อนี้   :dead: )

2. ยางครับ ย้ำกันไปหลายๆรอบ เพราะ่ว่าเสียรถไป 1 คัน เพราะเรื่องยาง... ยางราคา 1500 บาท กับยางเส้นละ 4500 มันใส่รถได้เหมืือนกันแต่ว่า มันไม่เหมือนกันครับ ราคามันเป็นไปตามคุณภาพครับ

ยาง อินโดยางไต้หวัน อะไรมันก็ไส่รถได้ทั้งนั้นครับ แต่ว่า พออุณหภูมิหน้ายางมันสูงขึ้น มันจะเริ่มสูญเสียค่าการเกาะถนนครับ ผมเคยเจอมากับตัว ยางราคาถูก ราคา1850 (ไอ้เส้นที่ทำ ชิโร่ ตายนั้นแหละครับ) วิ่งในสนาม 3 รอบ ยางเริ่มลื่น เข้าโค้งความเร็วปรกติไม่ได้เลย ต้องเข้าช้าๆ เทียบกับยาง sport ราคาถูก(แต่เสียงดัง) ราคา 2300 วิ่งไปเถอะครับ 10 รอบ 20 รอบ มันก็ยัง เข้าได้ แม้ว่าจะต้องเข้าช้าลงกว่าเดิมบ้างแต่ว่า ไม่ได้ต่างกันมาก แบบของถูกๆ

อาจจะบอกว่าผมเอา มาตราฐานในสนามมาวัดไม่ได้เพราะว่า บนถนนมันไม่ได้ชับ แบบนั้น แต่ ความเป็นจริง ถ้าเราขับรถ กลางวันแล้วขับเร็วๆ มุดไปมุดมา เปลี่ยนเลนตลอด มันก็ไม่ได้ต่างกันครับ ในสนาม 3 รอบมัน 5 นาที แต่ว่า บนถนน ขับแบบนั้นสัก 10 นาที มันก็ อุณหภูมิยางพอๆกันแล้วครับ เวลาที่ขึ้น-ลงเขา หรือว่าขับทางไกลก็เช่นกัน เรื่องยางเนี้ย ระหว่างมีไว้เผื่อๆ กับไม่มีแล้วเวลาจะใช้ค่อยวัดดวงเอาเนี้ย... ความปลอดภัยมันต่างกันเยอะครับ.... แต่ไม่ได้บอกให้ไปใช้ยางแพงๆ เกาะโคตรๆ แต่ว่าใช้ได้ 6 เดือนหมด (R-1R) หรือว่า ยางเกรดแข่งกัน หนึบสุดๆ แต่พอเจอน้ำหรือเจอฝน หมุนเป็นลูกข่างนะครับ... ( RE-01R ) มันต้องมีความพอดีครับ

ถ้าไม่รู้ว่า จะใช้อะไร ขึ้นต่ำ ninto ครับ 555 หรือ NEO-JEN ก็ได้ครับ แต่ถ้าคุ้ม สุดตอนนี้ pilot sport 3 ครับ เส้นละ 2600 ยางเงียบ เกาะถนน รีดน้ำดี อายุยืน เป็นยางเริ่มต้นของคนที่อยากจะ ก้าวข้ามกำแพงเดิมๆของการใช้งานรถเราครับ ที่เหลือ ยางแพงยางดีมีหลายยี่ห้อครับ ใช้คุ้มขับคุ้ม ซื้อได้เลยครับ แต่ถ้าจะใส่เอาหล่อ... ก็ได้ครับไม่มีข้อเสียนอกจากเปลืองตังค์

ยาง4เส้น สัมพัสพื้นรวมกัน ประมาณ 1 ตารางฟุต ครับ แต่ว่า มันเป็น 1 ตารางฟุตที่แบ่งระหว่าง ชีวิตที่ต้องจ่ายเงินประกันต่อไป กับ เงินประกันที่คนข้างหลังจะได้เอามาใช้ เลยนะครับเลือกดีๆครับ

โลกเรามีคน 2 ประเภทครับ

1. รอดมาได้แล้วบอกกับคนข้างหลังต่อๆไปว่า ทำอย่างไรถึงรอดมาได้  :omg:

กับ

2. ไม่มีโอกาสได้บอกครับ ว่าตายยังไง  :dead:

จบไป 2 ข้อ จำเอาไว้ก่อนครับ ช่วงล่างเลวยางดี ยังมีโอกาสรอดมันยังพอแก้ได้ เพราะว่า ยางเกาะถนนยังพอเลี้ยวหลบได้ แต่ถ้าช่วงล่างเทพ ยางเลว ยังไงก็ไม่รอดครับ เพราะว่ายางมันไม่เกาะถนน ยังไงมันก็เลี้ยวไม่ได้

3. โช้คครับ ถ้า corsa เอาง่ายๆแค่ แก๊สไรเดอร์ชุดละ 5300 หรือว่าจะไปอัดน้ำมัน ลองเล่นๆ ก็ได้ครับ รุ่นอื่น ถ้าไม่มีแก๊สไรเดอร์ อาจจะเป็น มอลโรล อะไรแบบนั้นครับ ที่โช้คมาก่อนสปริง เพราะว่า ถ้าเราไม่เปลี่ยน โช้คให้มันดีขึ้นแล้วเอาโช้คเดิมๆมาใส่สปริงแต่งเลย บางคันมัน เด้งมากๆครับ ขับไม่ได้นะครับ อย่ากระนั้นเลย... ทำตามลำดับดีกว่า สำหรับคนเริ่มต้นนะครับ

ยังมีพวกช่วงล่าง เกรดดีๆ อีกหลายตัวครับ มันจะแบ่งออกเป็น เกรด ถนน และ แข่งขันครับ

เกรดถนน มันจะ ยังมีความนุ่ม ให้ พอรับมือกับถนนเป็นพื้นดาวอังคารของเมืองไทยได้ครับ ไม่ได้กระด้างไปเลย ;)

เกรดแข่งขัน เ้น้นการปรับแต่งให้เหมาะสม (หมายความว่าทำไม่ดีก็วิ่งไม่เอาอ่าวครับ) และเน้นการตอบสนองครับ บางทีเอามาขับบ้านๆ ก็อาจจะกลายเป็นเกวียนได้  :เครียด:

4. สปริง ถ้าทำโช้คมาแล้ว ขับแล้วรู้สึกว่า เราเริ่มขับได้เกินลิมิตรถ (อธิบายยาก แต่ว่า คนขับจะรู้ครับ) ก็มาถึงสปริงครับ เป็นที่จำยอมว่า สปริงแต่งมันมักจะเป็นสปริงโหลดเสมอ ผมจะเน้นว่า ไปซื้อของตรงรุ่นเอาเถอะครับ ตัดหรือดัดแปลง มันอันตราย... บางรุ่นมันแปลงใส่ได้ แต่ว่า นน.รถของสปริงที่เราซื้อมาใส่ มัน 1500 กก. เอามาใส่ในรถเรา 1000 กก. มันคงไม่เหมาะสมเท่าไรครับ ยกเว้นว่า เราทำรถไม่ได้เป็นสแตนดาทตามอนุกรมแล้ว เช่นวางเครือง cc มากเกินปรกติ(แบบผม) หรือว่า รถแข่งไปเลย ไม่สนว่าขับถนนจะเป็นยังไง เอาในสนามว่าพอ

โชคดีที่ สปริงแต่งของเราราคาไม่แพงครับ 5-6000 เท่านั้น เอาเงินมาใช้ตรงนี้ ได้ผลกว่าครับ เปลี่ยน 2 อย่างคือ โช้คกับสปริง เห็นผลชัดเจนว่าดีขึ้นแน่ๆ

5. เหล็กกันโครง ตามที่ได้กล่าวไปแล้วครับ ใช้แค่ ตัว 16v ก็พอครับ ถ้าอยากจะให้ตอบสนองดีขึ้น แต่ว่า ไม่ใช้ก็ได้ครับ ประสพการณ์จะบอกเราเองว่า ต้องเปลี่ยนหรือไม่ ควรเปลี่ยนเมื่อจำเป็นครับ ถ้าคิดว่าไม่จำเป็นอย่าพึ่งเปลี่ยนครับ มันต้องแลกมากับการตอบสนองของช่วงล่างที่ดีขึ้น แปลว่า มันจะพูดกับเราชัดขึ้นครับ ว่า หลุม ว่า บ่อ แม้ว่า เราไม่อยากรู้ก็ตาม อาจมีรำคาญได้ อย่างที่บอก (ใส่ gsi ไปนี่ มันจะตะโกนกรอกหูเลยครับ)ไม่อยากรู้ก็ต้องรู้ ต้องตื่นตัวตลอดเวลา

6. บุชยูริเทน อันนี้ เพิ่มการตอบสนองของช่วงล่างและจุดยึดต่างๆ ที่เคยบอกว่า ช่วงล่างมันจะคุยกับเรา คราวนี้มัน คุยผ่านโทรโข่งเลยครับ... อาจจะมีเกวียนน้อยๆได้ :o เพราะว่า เหตุผลหลักๆนอกจากการตอบสนองคือ พวกลูกยางต่างๆที่ทำจากยาง ถ้าใช้งานแบบโหดๆ มันจะให้ตัวได้เยอะ และเสื่อมสภาพเร้วมากครับ (รถผมเปลี่ยนยางรองเบ้าโช้คปีละ2ชุด)

หลักๆช่วงล่างมันก็ จบที่แถวๆนี้ครับ ต่อไปมันจะเรื่องการปรับตั้งซึ่ง เป็นเทคนิคระดับสูงแล้ว ต้องมานั้งอธิบายแล้วครับ

มาสรุปความสำคัญและหน้าที่นะครับ...

1. ล้อ เพื่อให้สามารถใส่ยาง sport ได้

2. ยาง เพื่อให้ขับได้เร็วขึ้นโดยที่ยังปลอดภัยอยู่

3. โช้ค เพื่อให้รองรับกับสปริงแต่งได้

4. สปริง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ

5. กันโคลง เพื่อให้ระบบช่วงล่างที่ทำไปตอบสนองได้ดีขึ้น

6. บูชยูริเทน เพื่อให้ระบบช่วงล่างที่ทำไปตอบสนองได้ดีขึ้น และยืดอายุการใช้งาน

จะเห็นว่า 1-2 เป็นเรื่องความปลอดภัยพื้นฐานเป็นหลักครับ 3 เพื่อ ให้รองรับ 4 และ 5-6 ทำให้ ระบบโดยรวมดีขึ้นครับ (แต่บางทีก็ไม่จำเป็นขนาดนั้น)

แต่ละคนมีแนวการทำรถของตัวเอง และมีเงินของตัวเองครับ ศึกษาก่อนแล้วค่อยทำ ดีกว่าไปเชื่อคำช่างที่จะเอาแต่ขายของครับ....

ขอให้มีความสุขกับรถที่รักนะครับ  :)
Title: Re: [จับเข่าคุยกัน] เรื่องการทำรถทั้งหลาย (opel แต่ง ตั้งแต่ใช้บ้านๆยันวิ่งสนามได้)
Post by: jeabjamiro on 08 Feb 2011, 02:03
 :D ดีมากวิ่งไปน้ำตาจะไหลได้ครับ เหอะๆ  :cry3