(http://hilight.kapook.com/img_cms/other/lpg.jpg)
นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าววานนี้ (15 มกราคม) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันนี้ (16 มกราคม) จะอนุมัติประกาศแยกโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ออกเป็น 2 ราคาโดยตรึงราคาก๊าซที่จำหน่ายให้กับผู้ใช้ในภาคครัวเรือน และปรับขึ้นราคาก๊าซที่จำหน่ายให้กับภาคขนส่งและอุตสาหกรรม แต่คาดว่าจะปรับขึ้นไม่เกิน 2 บาทต่อกิโลกรัม
"คาดว่า ไม่เกินกิโลกรัมละ 2 บาท ถ้าปรับราคา ณ ตอนนี้ จากมติเดิมของ กพช.ที่ให้ปรับกิโลกรัมละ 6 บาท เนื่องจากราคาในตลาดโลกมีส่วนต่างจากราคาในประเทศประมาณ 1.50-2.00 บาทต่อกิโลกรัม" นายแพทย์วรรณรัตน์ กล่าว
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพลังงาน ยืนยันว่า เตรียมเสนอให้มีการปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีเป็น 2 กลุ่ม โดยในส่วนของภาคครัวเรือนจะยังคงตรึงราคาต่อไปตามนโยบายของรัฐบาล แต่ในภาคขนส่งและอุตสาหกรรมจะต้องมีการพิจารณาปรับขึ้นอย่างแน่นอน โดยราคาในตลาดโลกเฉลี่ยในเดือนมกราคม 2552 อยู่ที่ประมาณ 380 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ขณะที่ราคาในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 340 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน (ราคาหน้าโรงกลั่นที่ 315 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน บวกค่าขนส่ง) อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงาน จะเสนอแนวทางในการปรับราคาเป็นหลายรูปแบบ และขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของที่ประชุม กพช.
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
(http://hilight.kapook.com/img_cms/logo/thairath.jpg)
และ KAPOOK.COM
:o
UPDATE เพิ่ม เย็นนี้เองคะ
ชะลอแอลพีจี-เอ็นจีวี เบนซิน-โซฮอล์เพิ่ม 80 สตางค์
(http://hilight.kapook.com/img_cms/other/break17.10_1.jpg)
กพช. ชะลอขึ้นไม่มีกำหนด อ้างไม่ต้องการเพิ่มภาระให้ประชาชน ส่วนพรุ่งนี้ผู้ค้าทุกรายขยับ เพิ่มราคาน้ำมันทุกชนิด ยกเว้นดีเซลคงเดิม
นพ. วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันนี้ (16 มกราคม) ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมว่า กพช. มีมติให้ชะลอการปรับขึ้นราคาแอลพีจีและเอ็นจีวีออกไปอย่าไม่มีกำหนด เนื่องจากไม่ต้องการให้ประชาชนมีภาระเพิ่มขึ้นท่ามกลางวิกฤษเศรษฐกิจ
วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันทุกรายขึ้นราคาน้ำมันในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 80 สตางค์/ลิตร โดยให้มีผลตั้งแต่เช้าวันพรุ่งนี้ (17 มกราคม) ส่วนดีเซลยังคงราคาเดิม
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลดลงอย่างมากจนแตะระดับ 33.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 5 ปี ก่อนปิดระดับที่ 35.40 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยนักลงทุนยังกังวลกับเศรษฐกิจโลกที่ทรุดหนักกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ต้องได้รับการเยียวยาอีกครั้งโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องอัดฉีดเม็ดเงินช่วยเหลืออีก 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดนิวยอร์กปรับตัวลดลง เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ ลดกำลังการผลิตทำให้มีสต็อคน้ำมันเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดลอนดอน น้ำมันดิบดูไบ ตลาดเอเชีย กลับเคลื่อนไหวสวนทางกัน โดยราคาอยู่ที่ระดับ 45-47 ดอลลาร์ สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ โดยเฉพาะกลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันของประเทศอินโดนีเซียที่มีสูง ในขณะที่โรงกลั่นในภูมิภาคอยู่ระหว่างปิดทำการ เพื่อทำการซ่อมแซมและคาดว่าอาจเห็นการปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกในกลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ในระยะอันใกล้นี้อีก
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
(http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/logo/thairath.jpg)
และ Kapook.com