OPEL in : The Happiest Opel Family in Thailand

Opel in Talks => Off Topic => Topic started by: PeeSard on 22 Sep 2009, 19:13

Title: เครื่องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติบนทางหลวง
Post by: PeeSard on 22 Sep 2009, 19:13
จาก : http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V8349846/V8349846.html

เครื่องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติ
การทำงานของเครื่องตรวจจับความเร็วด้วยแสงเลเซอร์นี้สามารถใช้งานได้ทั้ง ระบบควบคุมเองและระบบอัตโนมัติ
โดยเมื่อรถที่ใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดผ่านจุดตรวจกล้องก็จะทำการถ่าย ภาพโดยอัตโนมัติ จากนั้นความเร็วและภาพรถ
จะถูกส่งมาจัดเก็บและแสดงที่ชุดประมวลผลพร้อมแสดง วัน เดือน ปี เวลา สถานที่ จากนั้นข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งต่อมายังศูนย์-
อำนวยการตำรวจทางหลวงเพื่อที่จะ ตรวจสอบทะเบียนรถ และ ออกใบสั่งส่งไปยังที่อยู่ของผู้ครอบครองรถตามทะเบียน ต่อไป

และหากผู้ได้รับใบสั่งไม่ไปชำระค่าปรับภายในเวลา   7   วัน กองบังคับการตำรวจทางหลวงจะส่งข้อมูลไปยังกรมการขนส่ง
เพื่ออายัดการต่อ ทะเบียนรถด้วย สำหรับความเม่นยำของเครื่องเป็นไปตามมาตรฐานขององค์กร International Association
of Chiefs of Police (The IACP) ทั้งยังประสานสำนักมาตรวิทยาแห่งชาติ เพื่อทำการคาริเบธเครื่องเป็นประจำทุกปี
และก่อนที่จะนำไปตรวจจับตามจุดต่างๆ ก็จะมีการทดสอบก่อนทุกครั้งด้วยจึงมั่นใจได้ว่าเครื่องจะสามารถตรวจจับได้อย่างแม่นยำ
เส้นทางที่ตั้งกล้องตรวจจับความเร็วอัตโนมัตินี้ มีอยู่หลายจุดทั่วประเทศ ได้แก่

1. เส้นทางสายพหลโยธิน ช่วงรังสิต ถึง สระบุรี 2   จุด
2. เส้นทางสายมิตรภาพ ระหว่าง สระบุรี ถึง นครราชสีมา 2   จุด
3. เส้นทางสายมิตรภาพ ระหว่าง นครราชสีมา ถึง ขอนแก่น 2   จุด
4. เส้นทางสายเอเชีย ระหว่าง อยุธยา ถึง นครสวรรค์ 1 จุด
5. เส้นทางสายเอเชีย ระหว่าง นครสวรรค์ ถึง ตาก 1 จุด
6. เส้นทางสายเอเชีย ระหว่าง ตาก ถึง เชียงใหม่ 1 จุด
7. เส้นทางสายกรุงเทพ นครปฐม  วังมะนาว 1 จุด
8. เส้นทางสาย วังมะนาว ถึง หัวหิน 1 จุด
9. เส้นทางสายเพชรเกษม ( เลี่ยงเมือง ) ชะอำ ถึง ปราณบุรี 1 จุด
10. เส้นทางสายเพชรเกษม ประจวบคีรีขันธ์ ถึง ชุมพร 1 จุด
11. เส้นทางสายเพชรเกษม ชุมพรถึง สุราษฎร์ธานี 1 จุด
12. เส้นทางสายบางนา - ตราด  ระหว่าง กรุงเทพ ถึง บางปะกง 1   จุด
13. เส้นทางสายสุขุมวิท ระหว่าง ชลบุรี ถึง พัทยา 1 จุด
14. เส้นทางสายมอเตอร์เวย์ ชลบุรี ถึง ระยอง 2 จุด
15. และเส้นทางสายสุขุมวิท ระหว่าง ระยอง ถึง จันทบุรี 1 จุด

ซึ่งตำรวจทางหลวงจะทำการสุ่มเปลี่ยนจุดตรวจทุกครั้ง ที่มีการติดตั้งด้วย หลังจากตำรวจทางหลวงจึงได้จัดหา
เครื่องตรวจจับความเร็วด้วยแสงเลเซอร์ จำนวน 45 ชุด     แจกจ่ายให้กับสถานีตำรวจทางหลวงกองกำกับการ
และกองบังคับการตำรวจทางหลวงทั่วประเทศได้ใช้ติดตั้งเพื่อปรามบรรดาตีนผี เหล่านี้ โดยข้อมูลจาก
หน่วยตรวจจับความเร็วไฮ - เทคทั่วประเทศที่ถูกส่งมายังศูนย์อำนวยการตำรวจทางหลวงพบว่า
เพียงแค่ 3 เดือนแรกที่มีการติดตั้งเครื่องก็ได้จ่ายใบสั่งให้ผู้ที่ขับรถเร็วเกินกำหนด ไปแล้วจำนวนมากถึง 42,304  ราย
ซึ่งจะนำไปสู่การปรามผู้ขับรถเร็วได้ในอนาคต โดยตำรวจทางหลวงยังได้มีแผนที่จะติดตั้งเครื่องตรวจจับความเร็วเพิ่มอีก 45 ชุด
เพื่อให้แต่ละหน่วยงานมี 2 ชุดคลอบคลุมพื้นที่การใช้งานในอนาคตด้วย หลักฐานที่แสดงให้เห็นประสิทธิภาพของ
เครื่องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติ คือ ใบสั่งที่ส่งให้ทางไปรษณีย์
Title: Re: เครื่องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติบนทางหลวง
Post by: PeeSard on 22 Sep 2009, 19:14
เพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ควรขับรถด้วยความเร็วตามกฎหมายกำหนด …….

บนทางหลวง ในเขตเทศบาล
รถเก๋งหรือรถปิกอัพ ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 80 กม./ชม.
รถบรรทุกหรือรถโดยสาร ไม่เกิน 60 กม./ชม.

บนทางหลวง นอกเขตเทศบาล
ให้รถเก๋งหรือปิกอัพ ใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม.
รถบรรทุกหรือรถโดยสาร ไม่เกิน 80 กม./ชม. และ

บนมอเตอร์เวย์
รถเก๋งหรือปิกอัพ ไม่เกิน 120 กม./ชม.
รถบรรทุกหรือรถโดยสาร ไม่เกิน 100 กม./ชม.


ทั้งนี้ ในเชิงเทคนิค ได้รับการพิสูจน์และยืนยันจากทั่วโลก การขับขี่รถที่ ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม.
นอกจากช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 15-20% ยังช่วยลดการตายบนถนนได้ 12-24%
แต่ความเร็วดังกล่าว ไม่สามารถลดอุบัติเหตุได้ หากทุกคนประมาท เมามายขณะขับรถ และการไม่ร่วมมือกันปฏิบัติตามกฎหมาย
ข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลและสำนักงานนโยบาย
Title: Re: เครื่องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติบนทางหลวง
Post by: หนานมา on 23 Sep 2009, 12:19
อ่าาาา.... :-X ร้อยละเก้าสิบเก้า... ไม่ติดตั้งแบบอัตโนมัติครับ  เด๋วไม่มีค่างวด ค่าเทอม จ่ายตอนสิ้นเดือน(บางคนนะครับไม่ทั้งหมด)
ส่วนมาก ชอบทำตัวเป็นพลซุ่มยิงครับ ยิงก่ิอนถึงด่านทางหลวงประมาณ 500 เมตร สายเอเชีย อยู่แถวสิงห์บุรี ขาเข้าแถวๆไต้สะพานลอยก่อนถึงทางหลวงครับ
Title: Re: เครื่องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติบนทางหลวง
Post by: ยัยแมวอ้วน on 23 Sep 2009, 12:35
เกิน.........ตลอด

 :(
Title: Re: เครื่องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติบนทางหลวง
Post by: kamolwat_t on 23 Sep 2009, 12:45
เกิน.........ตลอด

 :(

กฏหมายมันปี 252X ครับ..โบราณโคตรๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :ตาย: :ตาย: :ตาย: :ตาย: :ตาย:
Title: Re: เครื่องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติบนทางหลวง
Post by: m_pong on 28 Sep 2009, 12:15
เมื่อวันเสาผมโดนโบกบนมอเตอร์เวย์  เจ้าหน้าที่บอกว่า  วิ่งขาวมายาวเลย แล้วมันก็เดินไปหลังรถ กลับมาบอกผมว่าป้ายผิดกฏหมาย

ขอกออกใบสั่งนะคับ   ผมถามมันว่าวิ่งเลนที่3ยาวผิดหรอความเร็วประมาณ110  ใม่ใช่ขวาสุด มันก็เลยเลี่ยนมาเล่นป้ายทะเบียนผมแทน

เลยจัดการศาลเตี้ญไป 4ใบ เขียวคับ :ไถ: :ไถ: :ไถ:
Title: Re: เครื่องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติบนทางหลวง
Post by: kamolwat_t on 28 Sep 2009, 22:31
เหอๆๆๆ ต้องมีคูปองฮะ...  ;D
Title: Re: เครื่องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติบนทางหลวง
Post by: chok_cm on 28 Sep 2009, 22:42
ขับรถ ก็สังเกต พวกรถที่สวนมาบ้างก็ดีครับ  บางทีเค้าก็จะกระพริบไฟบอกให้    :)
Title: ขอเพิ่มเติมนิดนึงฮะเรื่อง 90 km/h.....จำได้ว่าเคยเอามาโพสแล้วที่บ้านนู้นนานมากๆ
Post by: jook_corsa on 29 Sep 2009, 11:25

90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหมาะสมจริงหรือ?

..... นานมากแล้วที่กฎหมายบ้านเรากำหนดความเร็วบังคับไว้ที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้ต่อมาบนทางด่วนพิเศษ(เสียตังค์)จะเพิ่มเป็น 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว แต่ถ้ามองย้อนเรื่องความเป็นจริงแล้วมันเหมาะสมหรือเปล่าที่ถนนหลวงโดยทั่ว ไปที่สร้างจากเงินภาษีของประชาชนยังบังคับให้แค่ไม่เกิน 90กิโลเมตรต่อชั่วโมง......

ในอดีต

เมื่อ ก่อนโน้นรถยนต์ส่วนมากค่าความจุของกระบอกสูบยังไม่สูงมากส่วนใหญ่ก็จะอยู่ใน ช่วง 1000-1300ซีซี สำหรับเบนซิน หรือไม่เกิน 2200ซีซีสำหรับดีเซล กอปรกับความแรงหรือสมรรถนะของรถก็ยังไม่สูงมาก จำนวนรถก็มีน้อย ถนนหนทางก็โล่งถึงแม้จะเป็นเลนที่วิ่งสวนกันก็ตาม การกำหนดค่าความเร็วที่ไม่เกิน 90กิโลเมตรต่อชั่วโมงจึงถือว่าเหมาะสมดีแล้ว

ปัจจุบัน

แม้ จะยังมีถนนแบบวิ่งสวนกันอยู่แต่ถนนสายหลักๆหรือถนนส่วนมากนั้นเป็นสี่เลน หรือมากกว่านั้นกันหมดแล้ว และสมรรถนะของรถหรือระบบความปลอดภัยของรถหรือความแรงของรถหรือความจุ ของกระบอกสูบของรถก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย

90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงปลอดภัยจริงหรือ?

อัน นี้เป็นความจริงว่าจากสถิติอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการขับรถเร็วกว่าที่ กฎหมายกำหนด แต่ถ้ามองลึกลงไปในอุบัติเหตุนั้นๆกลับพบว่าล้วนเกิดจากผู้ขับขี่เองทั้ง สิ้น ทั้งเมาสุรา-ยาเสพติดหรือมักอ้างว่าหลับในเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ โดยเฉพาะการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นไม่ว่าขับเท่าไหร่จะช้าหรือเร็ว ก็มักเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุแทบทั้งนั้น จึงไม่น่าจะเป็นข้อสรุปสุดท้ายที่จะพูดว่าขับไม่เกิน 90กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วจะปลอดภัย

90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงประหยัดน้ำมันจริงหรือ?

ถ้า มองรถที่ออกแบบเพื่อจำหน่ายในบ้านเราโดยเฉพาะจะพบว่ามีการเชื่อมโยงกับ กฎหมายหรือความเร็วที่กำหนดคือรถจะถูกออกแบบมาให้ได้แรงส่วนใหญ่ของทั้งหมด ออกมาใช้งานมากที่สุดในช่วงความเร็วดังกล่าวคือในช่วง 60-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ถ้าหันไปมองรถนำเข้าจากต่างปะเทศที่กฎหมายเขากำหนดความเร็วอื่นเช่น 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ค่าแรงที่นำออกมาใช้งานที่มากที่สุดและประหยัดที่สุดดังกล่าวก็จะไปอยู่ที่ ช่วงความเร็ว 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นต้น ยิ่งยุคน้ำมันแพงนี้เรื่องการแข่งขันด้านความประหยัดกำลังรุนแรงถ้าท่านปรับ เพิ่มข้อกำหนดความเร็วรถขึ้นมีรึที่บริษัทผู้ผลิตเขาจะไม่ออกแบบหรือผลิตตาม (ความจริงประเทศอื่นหลายๆประเทศเขาทำมานานแล้ว)

แล้วความเร็วเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม?

หัน มามองความจริงกันบ้างว่าตามถนนทั่วๆไปทุกวันนี้มีรถซักกี่คันที่ยังวิ่งไม่ เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่ ผมว่ากว่า 90%วิ่งเกิน 100กันทั้งนั้น อย่างว่าช้าๆเลยก็ 100 ยืนพื้น ซึ่งมันกลายเป็นช่องทางหากินของคนชั่วในหน่วยงานของรัฐบางหน่วยมากกว่า มีหลายๆท่านบ่นให้ฟังว่าน่าเจ็บใจมากๆคือป้ายที่ว่า”รถช้าชิดซ้าย(แต่ซ้าย นั้นมันปลักควายชัดแถมรถเร็วก็ห้ามวิ่งขวาก็ไม่รู้ว่าจะสร้างถนนไว้ทำตะบวย อะไร)” แถมไอ้คำว่า”ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าพนักงาน”นี่เมื่อไหร่จะเลิกใช้เสีย ที ก็ดุลยพินิจท่านบอกว่าผิดก็ต้องผิดอย่างเดียวเลย ลองเถียงไปเจออีกข้อหา”หมิ่นเจ้าพนักงาน”บอกกันจะๆไปเลยว่าจะเอายังไงหรือ ผิดข้อหาอะไรจะดีกว่า เคยมีนักการเมืองที่ชื่อ “ส.” (แฮะๆขอใช้อักษรย่อตามสมัยนิยมนะครับ)ที่เคยนำเสนอว่าควรจะปรับความเร็วจาก 90 เพิ่มเป็น 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประชาชนฮือฮาทั่วไปและเห็นด้วยแต่พอเข้าที่ประชุมคณะอะไรก็ไม่รู้..แล้ว เรื่องก็เงียบ..เงียบ..และเงียบตราบเท่าทุกวันนี้ ซึ่งจริงๆแล้วผมก็ไม่ทราบว่าความเร็วเท่าไหร่มันจึงจะเหมาะสมแต่ที่แน่ๆผม ว่า 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นี่มันก็ไม่เหมาะสมเหมือนกันแหละกับสถานะการณ์ปัจจุบันน่าจะซัก 120 กำลังดีเพราะดูจากทางด่วนพิเศษแล้วผมก็ว่ามันใช้ได้ดีทีเดียวสำหรับความเร็ว ขนาดนี้และอาจจะปรับปรุงความเร็วทางด่วนที่เสียเงินวิ่งออกไปอีกซัก 160 ก็กำลังสวย แต่ที่สำคัญน่าจะมีการแบ่งเป็นโซนเช่นเขตชุมชนใหญ่ไม่เกิน 60 / ชุมชนทั่วไปไม่เกิน 80/ นอกเขตชุมชนรถวิ่งสวนทางไม่เกิน 100/ ถนนที่ไม่ต้องวิ่งสวนทาง 120 / ทางด่วนพิเศษ 160 และทั้งหมดมีค่าบวกได้ไม่เกิน 10กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นต้น(ต้องเผื่อค่าความผิดพลาดของมาตรวัดให้ด้วย) แล้วอาจจะใช้สีของเส้นกลางถนนต่างสีกันออกไปเพื่อเป็นตัวกำหนดหรือบอกผู้ขับ ขี่ว่าถนนเส้นไหนใช้ความเร็วได้เท่าไหร่ แล้วเพิ่มโทษที่รุนแรงขึ้นสำหรับผู้ฝ่าฝืนเอาแบบจริงๆจังๆและหนักๆโหดๆไปเลย เช่นยึดใบขับขี่หรือห้ามขับขี่ยวดยานต์ทุกชนิด 1 ปีเป็นต้นฝ่าฝืนปรับครั้งละ 1แสนบาทอะไรประมาณนั้น

ในฐานะประชาชนผู้เสียภาษีคนหนึ่ง


 

อยาก เรียกร้องว่า ควรจะมีการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงๆจังๆเสียที พวกนักวิชาการทั้งหลายแหล่หรือแม้แต่คนของรัฐเองน่าจะทำการศึกษาข้อมูลกัน ได้แล้ว(เหมือนเรื่องน้ำหนักรถบรรทุกนั่นแหละเห็นรวดเร็วทันใจดีจัง)หรือทำ แบบสอบถามหรือทำประชาพิจารณ์กันไปเลยแล้วหาข้อสรุปออกมา ตื่นจากฝันกันเสียที และวิงวอนผ่านไปยังผู้ที่มีอำนาจหรือชื่อเสียงทางสังคมที่เกี่ยวกับปากท้อง ของประชาชนซักคนออกมาเป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้ ผมว่าถ้าท่านต้องการรายชื่อประชาชนเพื่อสนับสนุนแค่ 5หมื่นชื่อนี่มันเล็กไปน่าจะเอาซัก 1ล้านชื่อผมก็ว่าไม่ใช่เรื่องยากแต่ประการใด อย่างน้อยท่านจะมีชื่อจารึกในประวัติศาสตร์แน่นอน ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่จะร่วมลงชื่อกับท่านและจะสนับสนุนท่านเท่าที่จะทำได้