OPEL in : The Happiest Opel Family in Thailand

Opel in Talks => General Discussion => Topic started by: aor on 27 Aug 2010, 13:35

Title: ล่าอะไหล่ซ่อมรถทศวรรษใหม่
Post by: aor on 27 Aug 2010, 13:35
ล่าอะไหล่ซ่อมรถทศวรรษใหม่

จากคอลัมภ์ ยนตรกรรม โดยคุณยุทธพงษ์ ภาษี (จากเนชั่นสุดสัปดาห์ 20 ส.ค. 2553) ขออนุญาตลอกมาให้อ่านกัน เป็นความรู้ เป็นประโยชน์ น่ะครับ

ล่าอะไหล่ซ่อมรถทศวรรษใหม่
ผมกลับจากงานเทคโนโลยีบรีฟวิ่ง ของนิสสัน และกำลังคิดว่าช่างซ่อมรถเดิม ๆ จะอยู่อย่างไร และคนใช้รถต้องฉลาดเลือก ไม่เป็นไร แต่ละคนซ่อมอีกแค่ไหนถึงจะตามเทคนิคใหม่ที่วิศวกรนิสสันคิดขึ้นมาทัน เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น รถเบรกหยุดเอง เมื่อจะชนสิ่งหยุดนิ่ง หรือเบรกอัตโนมัติขณะถอยหลัง หากมีสิ่งเคลื่อนที่กีดขวาง หรือไม่ก็ระบบขจัดสารพิษในห้องโดยสารอัตโนมัติ ระบบป้องกันการโคลงของตัวถังแบบไฮดรอลิก
ผมเคยเห็นคนรุ่นเก่า ๆ เวลาจะซื้อรถ ต้องเปิดดูเครื่องเพื่อดูว่าเวลาซ่อมมันต้องยกเครื่อง หรือเอามือช่างสอดเข้าไปได้
เขามักมองหาชิ้นส่วนที่มันชอบเสีย เพราะน้ำท่วม หรือมองหาช่องทางระบายอากาศ ว่าจัดวางอย่างไร เพราะบ้านเราอากาศร้อน
ถ้าอยู่ถูกที่ถูกทาง คนเก่า ๆ ก็จะบอกว่า รถดี
แต่ช่วงหลังเห็นการวางเครื่องแน่น ๆ เขาเริ่มไม่อยากซื้อ บอกว่าช่างซ่อมยาก เวลามองล้อรถ หากใหญ่ไปมักบอกไม่ดี แพง แม้ว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป คนสูงอายุเวลานี้ร่ำรวยเป็นเศรษฐี ขี่เบนซ์ ก็ยังจะใช้วิธีดูรถแบบที่ผมว่า ก่อนตัดสินใจซื้อรถยี่ห้อนั้นมาใช้หรือไม่
ความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองไปไกล ถนนหนทางเข้าถึง มีความเจริญมากขึ้น ไม่เหมือนอดีต ที่ซื้อรถไปเผื่อซ่อมเอง เพราะต้องวิ่งเข้ารกเข้าพง ศูนย์บริการทั้งจังหวัดมีแห่งเดียว เดี๋ยวนี้เบนซ์ บีเอ็ม ไปเสียที่ตาก หรือทองผาภูมิ แม่ฮ่องสอน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป
ย้อนหลังไปหลายสิบปี โตโยต้า ไปตายแถวสวนผึ้ง หรือไทรโยค เหนื่อยแทบตาย
รถสมัยใหม่จากนี้ไป แทบจะแตะอะไรไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนที่ไม่ใช่ของเขาก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น เราต้องพึ่งของจากศูนย์ ไม่ว่าชิ้นส่วนสึกหรอ หรือแอร์โร่พาร์ทอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม สำหรับเมืองไทยรถเราอยู่ในยุคกลางเก่ากลางใหม่ รถบางยี่ห้อยังใช้เทคโนโลยีเดิมอยู่ ดังนั้นเราจึงมีอะไหล่จากโรงงานอะไหล่ ที่ทำมาป้อนตลาดทดแทนและมีอะไหล่เซียงกง ทำให้บางอย่างเราสามารถหาซื้อและประหยัดงบประมาณได้
ความจริงของบางอย่าง ต้องยอมรับว่า เราได้รับการปลูกฝังความเชื่อ เรื่องรถต้องเข้าศูนย์บริการเท่านั้นมาตลอด นับตั้งแต่ศูนย์บริการเปลี่ยนแปลงหน้าตาใหม่ ใหญ่โตขึ้นหรูหราและเชื่อมโยงเครือข่ายกันได้หมด รถใหม่ ๆ ออกศูนย์มาไม่ถึง 5 ปี ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยเสีย คนขับรถไม่มีประสบการณ์การซ่อม ใช้ศูนย์อย่างเดียว
ศูนย์บริการจึงมีข้อดีตรงที่การซ่อมเป็นไปตามาตรฐาน คืองานออกมาแทบจะเรียกว่า เกือบเหมือนใหม่ (แม้ความจริงงานบางทีออกมาก็คุณภาพต่างกัน แม้จะยี่ห้อเดียวกัน)
ส่วนใหญ่เน้นการเปลี่ยน ไม่มีซ่อม ยกเว้นงานที่ต้องใช้วิธีซ่อม ดังนั้นการเปลี่ยนเป็นเซต ทำให้งานออกมาเหมือนสเปคที่กำหนดไว้ รถสมัยใหม่ออกแบบมาเพื่อการเปลี่ยนมากกว่าการซ่อม ดังนั้น ค่อนข้างยากที่จะหาช่างซ่อมที่เป็นมือดีเหมือนอู่อิสระ
นอกจากนี้ กระบวนการต่าง ๆ ของศูนย์ไม่เอื้อให้เกิดการซ่อม ช่างที่แนะนำดีอาจจะไม่เข้าตาเจ้าของอู่
บางท่านหนีศูนย์ไปซ่อมร้านสะดวก ที่สมัยใหม่มานี้ ผมเห็นคนบ่นกันมากเรื่องไปทำอีกอย่าง ได้โรคตามมาอีกเพียบ รายการเสนอซ่อมเป็นหางว่าว สรุปรถไม่มีดีสักอย่าง
แบบนั้นก็ยัดเยียดเกินไป เราไปร้านล้างรถตามห้างแบรนด์ดัง ๆ เจ้าของวางเป้าให้ลูกจ้างทำยอดขาย เราจะไม่ได้จ่ายแค่ 150 บาท ค่าล้างรถหรอก แต่ต้อง ขัดสี ล้างห้องเครื่อง หรืออื่น ๆ ซึ่งหากเข้าใจเรื่องเทคนิคบ้าง และคนขายมีคุณธรรม ทำการค้าแบบพ่อค้าวาณิชเขาทำกัน เราไม่น่าต้องเสียเงินมากมายขนาดนี้
บางท่านอาจจะแย้งว่าไม่มีใครบังคับคนซื้อ คนขายเสนอของให้ปกติ แต่หากมองดี ๆ การหากินบนความไม่รู้เท่าทัน มันไม่แฟร์สำหรับคนไม่รู้ แค่รอยคราบแมลงนิดเดียว คนขายบอกว่าแบบนี้ต้องลงขัดสองพัน แพ็คเกจโน่นแพ็คเกจนี่ ความจริงไปโฮมเวิร์ค โฮมโปร หรือร้านขายฮาร์ดแวร์ซื้อน้ำมันดันฝุ่น ที่เขาใช้ถูกพื้นมาเช็ด อย่างเก่งก็ 300-500 บาท เหลือน้ำมันดันฝุ่นไว้ถูบ้านอีกเป็นเดือน คราบสองพันนั่นนะเรียบร้อย เรื่องแบบนี้กว่าจะค้นพบว่ามีของที่แทนกันได้ ของถูก ดีกว่า ก็เสียค่าโง่ ผิดเป็นครู ปรากฏว่าครูเต็มรถไปหมด
ผมเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องใช้ของศูนย์เสมอไป คนเป็นเจ้าของก็ต้องรู้เท่าทันด้วย หากเรามีความรู้บ้าง เวลาเข้าไปซ่อมรถไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน ยกเว้นเสียแต่มีงบเยอะ ไม่อยากเรื่องมาก อะไรก็ศูนย์ นั่นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง

*****************

จบแล้วครับ ยาวหน่อยแต่ให้ข้อคิดดี ๆ และคิดให้ดี ๆ
คนที่ถือใบจองรถใหม่ไว้ ก็คิดดี ๆ น้า
แต่ก็อย่างว่าแหละ ของใหม่ ๆ หน้าตากระจุ๋มกระจิ๋ม มันก็น่าจับ น่าลูบคลำ ไปซะหมด
ต่างจากอีแก่ที่บ้าน ของเคย ๆ แต่ก็ทนโคตร ๆ (ผมหมายถึงรถยนต์นะ)
Title: Re: ล่าอะไหล่ซ่อมรถทศวรรษใหม่
Post by: PeeSard on 27 Aug 2010, 14:08
ตามความคิดผมนะ.. รถใหม่ๆเดี๋ยวนี้ มันมีระบบอะไรเยอะแยะไปหมด ไม่เหมือนแต่ก่อน
ซึ่งไอ้ระบบเยอะแยะนี่แระ มันก็พัฒนาอ้างอิงมาจากรถยุโรปทั้งนั้น
งานนี้ ช่างพื้นๆ ไม่มีอุปกรณ์ไฮเท็ค เอ็งตายแน่ๆ ...ส่วนศูนย์ก็ยิ้มรอเชือด

จากรถยุโรป เริ่มมาตั้งแต่ปี 90.. รถยุโรปทุกคัน ต้องมีการจับเท็คเช็คโค้ด ซึ่งช่างมั่วๆ มึนตึ๊บ
ปี 2000+ เริ่มมีระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ ตามจุดต่างๆ ป้องกันการใช้ของเทียม/เทียบที่คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน
เคยเจอนิวมินิ เปลี่ยนหน้าปัด กับพวงมาลัยแล้วสตาร์ดไม่ติด..เออดิ ต้องจ้างช่างจาก BMW มาเซ็ตระบบใหม่ ถึงจะเอาอยู่
แล้วเคยได้ยินว่า รถบางยี่ห้อ กรองอากาศเทียบ กรองน้ำมันเทียบ ก็ใช้งานไม่ได้ ไฟโชว์..เออแฮะ

แล้วตอนนี้ 2010 รถต่างๆ มีระบบอิเล็คโทรนิคต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น..
สวิทช์อิมโมก็เป็นของพื้นๆแล้ว ก็มีพวกเปลี่ยนจากสายมาเป็นไฟฟ้า ..ตายหละหวา
พวกช่างมั่วๆ พวกช่างมันเถอะ กรูทำได้แค่นี้ มึงตายแน่ แค่รถยี่ปุ่น มึงอ้วกแตกแน่นอน..!

กลับมาใช้คอร์ซ่า แอสตร้า คาบร้า เวคตร้า เมก้า แบบกึ่งยุคเหมือนเดิมดีกว่า ยังงัยๆ ก็ยังไม่ตกยุคหรอก
กลับตัวกลับใจเสียเถิด พี่ๆเพื่อนๆน้องๆ ..อิอิอิ
Title: Re: ล่าอะไหล่ซ่อมรถทศวรรษใหม่
Post by: kamolwat_t on 27 Aug 2010, 14:19
ก่อนอื่น...

น้ำมันดันฝุ่นคืออะไรฮะ... ผมไม่รู้จักอ่ะครับ...เผื่อจะเอามาใช้บ้าง...  :มั้ง:

รถเดี๋ยวนี้มัน พัฒนาไปเรื่อยๆจน แตะอะไรมันไม่ค่อยได้แล้วครับ ผมเองยังชอบความเป็นแมคคานิคที่สามารถจัดการเองได้อยู่ ว่างๆก็ทำนู้นนี่นั้นไป ช่างก็คงต้องปรับตัวกันพอสมควรครับ

รถยนต์ที่ผมว่าเบสิกและเหมือน โกคาท์สุดๆ ของพวกเรา คือ corsa เดิมๆ ใส่ช่วงล่างดีๆ ล้อ 13 เครื่อง 1400 8v นี่แหละครับ ขับบนเขาสนุกมากๆ บาลาท์มันดีมากครับ ถ้าขับเป็นมันจะสไลท์ได้ทั้งคันเหมือนโกคาท์เลย... ไปเรื่อยๆ ใช้แต่เกียร์ 3 - 4

ปัญหามันมีมาเรื่อยๆครับ ทางแก้ปัญหาที่ดีคือ เรียนรู้ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา ไม่ใช่หนีปัญหาเดิมๆเพื่อไปพบปัญหาใหม่ๆที่เราไม่รู้จักครับ  :)
Title: Re: ล่าอะไหล่ซ่อมรถทศวรรษใหม่
Post by: อับดุล on 27 Aug 2010, 14:28
จริงๆ อย่างที่ ทั้ง 2 ท่าน ว่าครับ
ช่างเครื่องยนต์ แถวบ้าน เป็นช่างเก่าแก่ บอกเดียวนี้รถรุ่นใหม่ หากินยาก เป็นอะไรบางอย่างต้องเข้าศูนย์อย่างเดียวเลย
Opel ก็เมือนกัน บางครั้ง งงๆ กับระบบสายไฟ แต่ถ้าเรารูแล้วไม่ยากเลย
แต่ผมว่า อย่างที่พี่นุนว่าแระ สุดท้ายแล้ว กลับมาใช้ คอร์ซ่า แอสตร้า ก็ Opel โดยรวม ที่ใช้ระบบความปลอดภัยยุโรป ที่ทุกวันนี้ก็ยังจำเป็นใช้ นั้นแระใช้เลยครับ
Title: Re: ล่าอะไหล่ซ่อมรถทศวรรษใหม่
Post by: godgi on 27 Aug 2010, 16:20
ถ้าต่อไปรถพัฒนาจนเราไม่สามารถซ่อมอะไรเองไม่ได้แล้ว ต้องเข้าศูนย์อย่างเดียวผมว่ามันเหมือน
กับเป็นการผูกขาดทางการบริการเลย :แงๆ:   ถ้าอู่ข้างนอกคิดจะอยู่รอดก็ต้องพัฒนา ซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ในการตรวจเช็คต่างๆ  ซึ่งพอมาคิดๆดูแล้วถ้าไม่มีเงินลงทุนเยอะจริงๆก็คงยาก (นับสิบหรืออาจจะถึงร้อยล้านสำหรับศูนย์บริการใหญ่)  ดังนั้นต่อไปหากอู่ข้างนอกซ่อมรถใหม่ไม่ได้ก็คงต้องทยอยปิดกันไปตามระเบียบ  :แงๆ: