OPEL in : The Happiest Opel Family in Thailand

Opel in Talks => Alternative Fuel Discussion (LPG & CNG) => Topic started by: youth on 14 Sep 2010, 18:07

Title: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: youth on 14 Sep 2010, 18:07
esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ ตามลิ้งค์ครับ
http://www.esavecar.com/index.html
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: Omega VIP on 14 Sep 2010, 18:08
ยังไม่เข็ดอีกหรอครับ  ความวัวไม่ทันหาย ความควายจะมาแทรกเอานะครับพี่  8) 8) 8)
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: Korza on 14 Sep 2010, 18:13
ทาง อีแซ่บคาร์ มีเบอร์โทร ของน้าหมอหรือยังครับ  :มั้ง: ถ้ายังไม่มีช่วยจัดให้ปะ .......
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: youth on 14 Sep 2010, 18:14
 8) 8) 8) ก็อยากรู้ว่ามันจะมีของที่ใช้ได้แล้วมีประโยชน์จริงมั่งมั๊ย  8) 8) 8) 8) 8)
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: youth on 14 Sep 2010, 18:15
เดี๋ยวผมเอาเบอร์พี่น้าหมอให้เค้าไปเลยดีกว่า  8) 8) 8) 8)
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: แบงก์ on 14 Sep 2010, 20:22
จ่ายน้ำมันน้อยลงแล้วมันจะพอต่อความต้องการของเครื่องยนต์มั้ยครับเนี่ย



Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: มือใหม่corsa on 14 Sep 2010, 21:01
ม่ะเอาแย้ว....เข็ดแย้วอ่ะ :สำนึก: :สำนึก: :สำนึก:
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: godgi on 14 Sep 2010, 21:44
เท่าที่ผมเข้าไปอ่านหลักการทำงานคร่าวๆของอุปกรณ์เหมือนว่า อุปกรณ์ตัวนี้เข้าไปทำให้ECU คำนวณการจ่ายน้ำมันน้อยลง
เมื่อน้ำมันน้อยลงแต่อากาศเท่าเดิม Air/Fuel ratio มันก็จะบาง 
ซึ่งถ้ามันบางเกินไปมันก็น่าจะส่งผลในระยะยาวต่อเครื่องยนต์

สงสัยคงต้องรอให้น้าหมอมาตอบอีก   ;D ;D ;D

Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: kamolwat_t on 14 Sep 2010, 22:52
เห็นสีของ เวบแล้ว.... ไม่ต้องดูระบบการทำงานแล้วฮะ...

เหมือนเดิมอีกล่ะ...  :P
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: jeedz on 14 Sep 2010, 23:35
เท่าที่ผมเข้าไปอ่านหลักการทำงานคร่าวๆของอุปกรณ์เหมือนว่า อุปกรณ์ตัวนี้เข้าไปทำให้ECU คำนวณการจ่ายน้ำมันน้อยลง
เมื่อน้ำมันน้อยลงแต่อากาศเท่าเดิม Air/Fuel ratio มันก็จะบาง 
ซึ่งถ้ามันบางเกินไปมันก็น่าจะส่งผลในระยะยาวต่อเครื่องยนต์

สงสัยคงต้องรอให้น้าหมอมาตอบอีก   ;D ;D ;D



ไม่ยาวครับ . . .. .  ถ้าเป็นเครื่องเทอโบอย่างรถผมอ่ะ  ลูกสูบแตกครับ
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: ZeaBiscuit on 15 Sep 2010, 00:30
ส่วนผสมบาง ก็แค่ ...

- ความร้อนในห้องเผาไหม้สูงกว่าปกติ
- เครื่องพังเร็วขึ้น เพราะอุปกรณ์ในห้องเผาใหม้พังเร็วขึ้นจากสาเหตุข้อแรก
- น้ำมันเครื่องพังเร็วขึ้น เพราะสาเหตุจากข้อแรก
- กำลังเครื่องลดลง เพราะจ่ายน้ำมันน้อยกว่าที่เครื่องยนต์ต้องการ
- จากข้อที่แล้ว ทำให้ต้องเหยียบคันเริ่งเพิ่มขึ้น ถ้าต้องการจะให้ได้ความเร็วเท่าเดิม ผลคือจ่ายน้ำมันมากกว่าเดิม หักลบกลบหนี้กันแล้ว อาจไม่แตกต่าง แต่จะได้ข้อดีข้ออื่นๆที่ผมกล่าวมาเป็นของแถม

นับข้อดีได้ห้าข้อแล้ว "ลอง" เลยครับ ที่ผมพูดมาคือทฤษฎี ปฎิบัติยังรอการพิสูจน์ครับ
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: godgi on 15 Sep 2010, 11:01
ส่วนผสมบาง ก็แค่ ...

- ความร้อนในห้องเผาไหม้สูงกว่าปกติ
- เครื่องพังเร็วขึ้น เพราะอุปกรณ์ในห้องเผาใหม้พังเร็วขึ้นจากสาเหตุข้อแรก
- น้ำมันเครื่องพังเร็วขึ้น เพราะสาเหตุจากข้อแรก
- กำลังเครื่องลดลง เพราะจ่ายน้ำมันน้อยกว่าที่เครื่องยนต์ต้องการ
- จากข้อที่แล้ว ทำให้ต้องเหยียบคันเริ่งเพิ่มขึ้น ถ้าต้องการจะให้ได้ความเร็วเท่าเดิม ผลคือจ่ายน้ำมันมากกว่าเดิม หักลบกลบหนี้กันแล้ว อาจไม่แตกต่าง แต่จะได้ข้อดีข้ออื่นๆที่ผมกล่าวมาเป็นของแถม

นับข้อดีได้ห้าข้อแล้ว "ลอง" เลยครับ ที่ผมพูดมาคือทฤษฎี ปฎิบัติยังรอการพิสูจน์ครับ


อย่างกรณีของผมน่าจะคล้ายกับที่คุณ ZeaBiscuit บอกนะครับ
toyota คันที่ผมใช้หลักๆติดแก๊สเมื่อประมาณ3ปีที่แล้ว ระบบดูด
ที่นี้ช่างเค้าก็จูนมาก็พอใช้ได้แล้ว  ผมอยากลองว่าเราก็ไม่ได้ขับเร็วก็ปรับวาว์ลให้
มันจ่ายน้อยลงเห็นว่ามันก็ประหยัดแก๊สดีนะต่ำกว่า กิโลเมตรละบาทอีก (แอบได้ใจ :-*)
ก็ปรับไปปรับมาจน เหลือซัก กิโลเมตรละ 80-90 สตางค์ได้ แต่ว่าความเร็วปลายขับได้เต็มที่แค่100-120นะ
ใช้ได้อยู่ 2 ปีเศษเกือบๆ 80000 โลครับ เครื่องกินน้ำมันเครื่องมากขึ้นเรื่อยๆ จาก 5000 กิโลเมตร ไม่ต้องเติม ก็เพิ่มเป็น 1/2 ลิตร ,1 ลิตร,2ลิตร ตามลำดับ
จนมาวันนึงเครื่อง ควันท่วมเลยครับ  วัดกำลังอัดตกไป 1 สูบ เหลือ 50  psi เปิดฝามาเหมือนว่าแหวนลูกสูบมันตาย :dead: ขูดกระบอกเป็นรอย
ก็เลยวางเครื่องใหม่ 4E-FE ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน(จริงๆก็หักค่าติดแก๊ส+ค่าเครื่องใหม่+ค่าวางแล้วยังกำไรค่าแก๊สอยู่ร่วม 3 หมื่นกว่านะครับจดค่าแก๊สตั้งแต่ติด ซึ่งจริงๆแล้วผมว่าอายุเครื่องควรจะใช้ได้นาน
กว่านี้นะถ้าผมไม่ปรับซะบางเกินไป) 
ทุกวันนี้ผมก็เลยปรับแก๊สแบบว่าลองวิ่งความเร็วสูงสุด 160-170 แต่เราวิ่งใช้งานจริง 100-130
อย่างนี้ได้ไหมครับ :มั้ง:
แล้วก็ astra ที่ผมกำลังจะเอาไปติดก็คงให้เค้าจูนปกติแล้วล่ะครับ

Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: godgi on 15 Sep 2010, 11:05
ลืมบอกไปว่าเครื่องตัวเก่าผมเป็น 2E-12valve 1300 CC. คาบู  :)
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: kamolwat_t on 15 Sep 2010, 11:17
ระบบเชื้อเพลิงมันควรที่จะพอกินพอใช้ครับ... :)
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: godgi on 15 Sep 2010, 11:24
แล้วที่ผมปรับแก๊สแบบว่าลองวิ่งความเร็วสูงสุด 160-170 แต่เราวิ่งใช้งานจริง 100-130

ใช้ได้ไหมครับ?

กลัวเครื่องกลับบ้านเก่าอีก :dead:
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: kamolwat_t on 15 Sep 2010, 11:28
เอาเป็นว่า ลอง จูน ดูให้มัน วิ่งต่างกับน้ำมันน้อยที่สุดฮะ...   :)

แต่ถ้าวิ่งได้แบบนั้นก็คงโอเคแล้วมั้งครับ  :)
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: Omega VIP on 15 Sep 2010, 11:33
จ่ายหนาเกินไปก็ใช่ว่าจะดีนะครับ  แม้ว่าจะบบการจ่ายเชื้อเพลิงของ ECU จะสั่งจ่ายหนาก็ตาม แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องจ่ายหนาตลอดเวลา มันสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ  อีกอย่าง คือ เคยเจอกับเครื่อง K20A ฝาดำใน CR-V Gen2 อ่ะ ติดแก๊สหัวฉีด  แต่ลูกสูบไหม้ แหวนตาย เพราะ อู่จูนหนามาก  แล้วที่ตกใจ คือ บนหัวลูกสูบมีรอยคล้ายใยแมงมุม  ถ้าพี่บอยไม่บอกว่า คือ คราบขี้แก๊สที่เผาไหม้ไม่หมด  พวกผมก็นึกว่าลูกสูบร้าวอ่ะ  มันเกาะแน่ เป็นลายขาวๆบนหัวลูกสูบเลย

X16XE ใน Astra 16V. ก็จูนใหม่ 0.81 บาท ครับ ถ้าเครื่องสมบูรณ์ หัวเทียนใหม่ กรองอากาศใหม่ แต่สายหัวเทียนมือสอง กับ คอยต์มือสองของ GM

Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: ZeaBiscuit on 15 Sep 2010, 13:25
อืม ถ้าถามว่าเท่าไหร่พอดี ผมจะตอบว่าราวๆ 13 กว่าๆ ต่อ 1 ครับ (สำหรับแก๊ส)

หมายถึงใช้ AF Meter วัดนะครับ เรื่องจูนแก๊ส ผมว่าอย่าเดาเลยครับ ขับไปหาร้านที่มี AF ง่ายกว่า 300 บาท ใช้ได้ไปอีกหลายปีเลยครับ
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: godgi on 15 Sep 2010, 13:55
อืม ถ้าถามว่าเท่าไหร่พอดี ผมจะตอบว่าราวๆ 13 กว่าๆ ต่อ 1 ครับ (สำหรับแก๊ส)

หมายถึงใช้ AF Meter วัดนะครับ เรื่องจูนแก๊ส ผมว่าอย่าเดาเลยครับ ขับไปหาร้านที่มี AF ง่ายกว่า 300 บาท ใช้ได้ไปอีกหลายปีเลยครับ

แล้วถ้าเป็นแบบ fix mix ควรจะให้ได้ค่า 13 กว่าๆ ต่อ 1 ที่รอบเครื่องเท่าไหร่ดีอ่ะครับ :มั้ง:
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: ZeaBiscuit on 15 Sep 2010, 14:02
ไม่ว่าติดแบบไหนแต่ที่รอบเดินเบาหรือช่วงความเร็วคงที่ควรจะได้ซัก 13 กว่าๆ : 1 ครับ (ของน้ำมันจะเป็น 14 กว่า : 1 )

ตอนต้องการกำลังเครื่อง ควรอยู่แถวๆ 11-12 : 1 ครับ
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: Omega VIP on 15 Sep 2010, 14:26
A/F Ratio Fuel = 14.7:1 ในช่วงรอบเดินเบา แล้วลดลงไปเรื่อยตามการใช้กำลังเครื่องยนต์ แต่ถ้าต้งการความแรงให้จูนใกล้เคียง 12.5:1

A/F Ratio Gas LPG = 15.4  ตามข้างบนนะครับ  เพราะฉนั้น ถ้าเราใช้งานได้จูนได้ 13 กว่าๆ ก็น่าจะโอเค ครับ แต่ต้องใช้ A/F meter trye windbrand นะครับ
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: godgi on 15 Sep 2010, 14:47
รับทราบครับ  ;)
Title: Re: esavecar เทคโนโลยีประหยัด มาให้วินิจฉัยกันอีกอันครับ
Post by: kamolwat_t on 15 Sep 2010, 15:08
แนะนำว่า ซื้อ thaidriver เล่มล่าสุดมาอ่านครับ รายละเอียดเยอะมาก...

หน้าปกเป็น มาสด้า 3   2 คันนะครับ