OPEL in : The Happiest Opel Family in Thailand

Opel in Talks => General Discussion => Topic started by: bushsaba on 01 Nov 2010, 07:15

Title: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 01 Nov 2010, 07:15
19 ต.ค. 53
ซื้อมิจังมาเมื่อวันที่  (88K)

20  ต.ค. 53
ติดตั้งแก๊ส fix-mix   (15K) แล้วฝากคุณบัติซ่อมบำรุงกับร้านในเครือข่ายรวมประมาณ 25K

30 ต.ค. 53
รับมิจังมาเมื่อวันที่  ตอนเย็น ๆ โดยชนัตถ์ขับไปส่งให้

31 ต.ค. 53
สามีทดลองขับมิจังไปหาแม่สามีที่ระยอง มีอาการกระชากเมื่อระบบเปลี่ยนจากน้ำมันเป็นแก๊ส เมื่อเริ่มออกตัวได้ยินเสียงก๊กแก๊ก ๆ คล้ายมีอะไรหลวมแต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน แต่ขับไปซักพักก็ไม่ได้ยินเสียงก๊อกแก๊ก ๆ อีก แอร์เย็นมากและไม่สามารถปรับไปที่ขีดดำก่อนสีเขียว-ขีดสีเขียวได้ ความร้อนอยู่ที่ 90-95 ความนุ่มหนึบ ดีมาก เสียงเครื่องยนต์ถือว่าดีนะ โดยรวมถือว่าขับดียกเว้นมีการกระชากแรงพอสมควรตอนระบบเปลี่ยนจากน้ำมันเป็นแก๊ส และไฟหน้าตอนกลางคืนบนถนนดำค่อนข้างมืดต้องเพ่งสายตามอง
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: หนานมา on 01 Nov 2010, 08:41
แก๊สเป็นน้ำมันแล้วกระชากนี่ เกียร์ออโต้หรือเปล่า ถ้าใช่..มันเป็นอย่างนั้นเอง...

เรื่องไฟ...มีสองขั้นตอน หนึ่งล้างโคม สองเปลี่ยนหลอดเดินสายไฟใหม่ครับ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bat on 01 Nov 2010, 08:50
เป็นเกียร์ธรรมดาครับพี่นพ  ยังไง ผมฝากดูแลต่อให้ด้วยนะครับ
วิธีแก้ไขตอนเปลี่ยนระบบเชื้อเพลิง
สตาทร์ด้วยน้ำมันแล้ววอมเครื่องสักพักแล้วแร่งเครื่องให้ตัดเป็นแก๊ส จึงค่อยออกตัว  หรืออีกอย่างคือเราต้องจับจังหวะของรอบเครื่องตอนก่อนตัดเป็นแก๊ส
ใหม่ๆยังไม่ชิน สักระยะคงดีขึ้น
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: suny11 on 01 Nov 2010, 08:57
กล่องสวิทช์ออโต้มันตั้งหน่วงจ่ายน้ำมันได้นี่ครับ ของผมตั้ง3sec :มั้ง:
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: Omega VIP on 01 Nov 2010, 11:12
เป็นเกียร์ธรรมดาครับพี่นพ  ยังไง ผมฝากดูแลต่อให้ด้วยนะครับ
วิธีแก้ไขตอนเปลี่ยนระบบเชื้อเพลิง
สตาทร์ด้วยน้ำมันแล้ววอมเครื่องสักพักแล้วแร่งเครื่องให้ตัดเป็นแก๊ส จึงค่อยออกตัว  หรืออีกอย่างคือเราต้องจับจังหวะของรอบเครื่องตอนก่อนตัดเป็นแก๊ส
ใหม่ๆยังไม่ชิน สักระยะคงดีขึ้น

รับผิดชอบงานด้วย  เป็นคนไปจัดการอ่ะ  ;D ;D ;D
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: หนานมา on 01 Nov 2010, 11:19
เป็นเกียร์ธรรมดาครับพี่นพ  ยังไง ผมฝากดูแลต่อให้ด้วยนะครับ
วิธีแก้ไขตอนเปลี่ยนระบบเชื้อเพลิง
สตาทร์ด้วยน้ำมันแล้ววอมเครื่องสักพักแล้วแร่งเครื่องให้ตัดเป็นแก๊ส จึงค่อยออกตัว  หรืออีกอย่างคือเราต้องจับจังหวะของรอบเครื่องตอนก่อนตัดเป็นแก๊ส
ใหม่ๆยังไม่ชิน สักระยะคงดีขึ้น

อ๋ออออ.....ช่างคงตั้งการตัดเป้นแก๊สจังหวะรอบเพิ่มครับ

ไม่ได้ตัดในจังหวะรอบลดมันก้อเลยกระตุก ถ้ามีคู่มือสวิทออโต้ ก้อตั้งให้มันไหม่
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: PeeSard on 01 Nov 2010, 12:55
ใช้รอบตัดเป็นแก๊ส แล้วกระตุก... แบบดูด ของนู๋เขียวไม่เป็นนะ แต่รู้สึกว่ามันพุ่งกว่าเดิมนิดๆ
แต่ถ้าแบบหัวฉีดกับเครื่อง 16V อันนี้ไม่รู้ทั้งหมดว่า ตัดเข้าแก๊สแล้วหรือออกจากแก๊สอ่ะนะ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: godgi on 04 Nov 2010, 22:39
เป็นเกียร์ธรรมดาครับพี่นพ  ยังไง ผมฝากดูแลต่อให้ด้วยนะครับ
วิธีแก้ไขตอนเปลี่ยนระบบเชื้อเพลิง
สตาทร์ด้วยน้ำมันแล้ววอมเครื่องสักพักแล้วแร่งเครื่องให้ตัดเป็นแก๊ส จึงค่อยออกตัว  หรืออีกอย่างคือเราต้องจับจังหวะของรอบเครื่องตอนก่อนตัดเป็นแก๊ส
ใหม่ๆยังไม่ชิน สักระยะคงดีขึ้น

รับผิดชอบงานด้วย  เป็นคนไปจัดการอ่ะ  ;D ;D ;D
ก็เค้าฝากให้พี่นพดูแลต่อแล้วนิพี่กอล์ฟคุงๆ 8) 8)
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: jeabjamiro on 05 Nov 2010, 01:52
เหอะๆ รถแฟนผมก็เป็นครับ เดี๋ยวไปแก้มั่งดีกว่า เหอะๆ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 05 Nov 2010, 08:26
1 พ.ย. 53

ไปหัดขับมิจังมา ขับเกียร์ 1 ที่ความเร็ว 20-30 กม/ชม.ค่ะ ก็โอเคดีค่ะ แต่มีเสียงก๊อกแก๊กคล้ายอะไรมันหลวมหรือไหลไปมาแถว ๆ ประตูนี่แหละค่ะ ขับลงหลุมก็ไม่มีปัญหา  :) ที่ที่ไปหัดขับมันหลุมเยอะ พอดีสามีเค้าไม่มีสอนเด็กเลยแอบแว็บไปสอนขับรถให้เป๊ปนึง

4 พ.ย. 53

ไปหัดขับมิจัง มิจังเข้าเกียร์ง่ายค่ะ วันนี้ขับได้ถึงเกียร์ 3 ความเร็วเพิ่มขึ้นมาหน่อยเป็น 40-60 วันนี้ไปขับที่ใหม่ถนนเรียบดี ไม่มีรถด้วย  แต่คนขับๆยังไม่ค่อยเป็นบางทีจะเหยียบเบรคดันไปเหยียบครัช บางทีปล่อยครัชไม่ตรงจังหวะตอนเข้าเกียร์ เลยทำให้มิจังความร้อนขึ้นไปเกือบ 100 จึงรีบจอดรถแล้วเปิดกระโปรงหน้ามิจัง :-[ ให้เย็นลงแล้วให้สามีขับกลับ ปรากฎว่าเมื่อสามีขับมิจังก็ความร้อนปกติ คือ 97-90 ค่ะ ไว้วันหลังไปหัดขับใหม่

Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: kamolwat_t on 05 Nov 2010, 08:51
555

บันทึกรักสาวมิจัง...  :-[
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: chanat on 05 Nov 2010, 09:20
เอ นัทว่าสำนวน การเขียนเหมือนนิยาย สมัยก่อนเลยอะครับ สงสัยพี่บุดชอบอ่านนิยายแน่เลย และน่าจะเขียนได้เป็นเล่มๆด้วย ถ้าได้ใช้รถที่รักไปสักปีนึง ;D ;D ;D ;D ;D เรื่องความร้อนอย่างที่ได้คุยกันอะครับ ว่างๆขับไปให้พี่นพช่วยเปลี่ยนสวิทหัวโต ให้พัดลมทำงานเร็วขึ้น อีกหน่อยก็คง จะเย็นลงเยอะครับ  แต่ก็ไม่ต้องตกใจนะครับอิอิอิอิ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bat on 05 Nov 2010, 09:33
เนี่ยมันเป็นซะอย่างเนี้ย อยู่กะผมขับมาเป็นอาทิตย์ ความเร็ว 150 up มันก็ไม่เคยเกิน 95  :มั้ง: :มั้ง:  เซ็ง :จุก: :จุก:
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: chanat on 05 Nov 2010, 09:36
ผมขับไปส่ง ลองอัด180 ก้แค่92 อะพี่ ไม่เห็นเป็นไร ลองวิ่งช้าๆติดในเมือง จอดไม่ดับเครื่อง ก้ไม่เคยเกิน 95 นะครับ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 05 Nov 2010, 10:36
ไอ้เรื่องความร้อนคงเป็นเพราะคนขับด้วยน่ะค่ะ  :สำนึก: ขับเหยียบครัชไม่ได้จังหวะ เหยียบผิดๆ ถูกๆอ่ะค่ะพอดีตามองทาง แต่พอเหยียบแล้วมันไม่หยุดค่อยก้มลงไปมองอ้าวเหยียบครัชนี่นา  :omg:
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: หนานมา on 05 Nov 2010, 10:52
เรื่องความร้อน....

ขับรถคล่องๆแล้ว ถ้ายังเป็นค่อยว่ากันอีกทีครับ

รถติดรอบต่ำ มันไม่ค่อยร้อน

แต่ขับช้ารอบสูง มันร้อนครับพัดลมระบายไม่ทัน

เหมือนวันไปทริปวัดพระบาทฯ ผมขับถอยหลังประมาณ 200 เมตรได้

ความร้อนพุ่งปรู๊ดดด ต้องติดเครื่องทิ้งไว้สักพักถึงจะปกติอะครับ  :สำนึก:
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: jeabjamiro on 08 Nov 2010, 01:14
น่าสำสวิต เสียงเตือนเวลา ความร้อนซัก 98 นะครับแบบ บิ๊บแก็มหมดอะ น่าจะเหมาะกะสาวๆ เหอะๆ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 08 Nov 2010, 21:47
5 พ.ย. 53
พามิจังไปเที่ยวงานสหพัฒน์ อากาศร้อนค่ะรถก็เยอะมากบางช่วงก็ติด แอร์มิจังก็เลยไม่เย็นต้องเปิดกระจกเป็นพัก ๆ ความร้อนของมิจังขึ้นไปประมาณ 98 ค่ะ แต่สามีบ่ยั้นค่ะสามีบอกว่า "ก็เป็นงี้แหละเธอ 100 มันอุณหภูมิน้ำเดือดไม่ใช่เหรอ รถมันต้องใช้ระบบไอน้ำเดี๋ยวพอความร้อนถึงมันก็ลงเอง " ตัวบุษเองไม่รู้หรอกค่ะแต่เห็นขึ้น 98 ก็กังวลเพราะเห็นคุณบัติกับคุณนัทบอกที่เค้าเคยขับมาขึ้นไม่เกิน 95 แต่ก็จริงดังสามีบุษว่านะ พอมันขึ้นไปซักพักมันก็ค่อย ๆ ลงมาที่ 95 เอง บุษสังเกตดูแล้วว่ามิจังชอบความเร็วค่ะ เพราะถ้าขับมิจังไม่เกิน 100  หรือเริ่มออกตัว หรือช่วงรถติดรถเยอะต้องใช้ความเร็วต่ำมิจังชอบอุณหภูมิขึ้นค่ะ แต่ถ้าขับเร็วอุณหภูมิของมิจังจะประมาณ 92-95 นี่แหละค่ะ ยิ่งตอนกลางคืนหรืออากาศเย็นความร้อนยิ่งไม่ขึ้นเลยค่ะแอร์ของมิจัง ถึงได้หนาวมากค่ะตอนกลางคืน ไปและกลับสหพัฒน์อย่างปลอดภัยไม่มีปัญหาใด ๆ ค่ะ ขับดีรอบไม่ตกด้วยค่ะ :D :D

6 พ.ย. 53
สามีเอามิจังไปใช้งานทั้งวันเลยค่ะ พอดีผู้มีพระคุณของแม่สามีเสีย แล้วรถคันอื่นของเค้าไม่ว่างจึงได้ใช้บริการมิจัง มิจังได้ช่วยแสดงความกตัญญูด้วยนะงานนี้  ส่วนบุษขี่มอเตอร์ไซด์ไปรับลูกค่ะ ไปทางอ้อมรถจะได้ไม่เยอะแต่ไกลเหมือนกันค่ะ จากบางแสนไปตัวเมืองชลแต่แค่นี้ชิว ๆ ค่ะ  :)

7 พ.ย. 53
พามิจังไปหาคุณหนานมา ไปเช็คภายในมาค่ะ :-[ ความจริงมิจังก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เรื่องแอร์ ไฟหน้า แล้วคุณหนานมาไปพบสวิทซ์ไฟถอยมันหัก แล้วเดี๋ยววันที่ 13 นี้ก็เอาไปฝากคุณหนานมาช่วยทำให้มิจังสมบูรณ์ขึ้นอีกน่ะค่ะ คุณหนานมายังชมว่าเครื่องของมิจังเงียบดีนะคะ เมื่อเสร็จจากการตรวจภายในแล้วก็ได้มีโอกาสไปร่วมสำรวจอ่างเก็บน้ำดอกกรายกับพี่น้องภาคตะวันออกด้วยค่ะ ไปกลับไม่มีปัญหา ถือว่าเป็นเด็กดีเลยล่ะค่ะ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: kamolwat_t on 10 Nov 2010, 12:15
ดูจากอาการ ผมว่า เปลี่ยนเทอร์โมให้ทำงานเร็วขึ้นก็จะได้สบายใจครับ...  :)
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: หนานมา on 11 Nov 2010, 15:24
เรื่องแอร์ กับความร้ือนมันสัมพันกันอยู่นะ...

ผมสงสัยพัดลม...เสื่อม...

วิ่งไว ความร้อนลด วิ่งช้าขึ้นมากผิดปกติ

เรื่องแอร์...ก้ออาจมองไปที่ฟิมล์กรองแสงอีกอันหนึ่งครับ...
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 13 Nov 2010, 09:01
10 พ.ย. 53
บุษไปหัดขับมิจังโดยแฟนบอกให้หัดออกตัว โดยบริเวณที่ไปหัดเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมแต่ไม่กว้างก็เลยหัดขับที่ความเร็วประมาณ 20 กม/ชม.ขับแค่เกียร์ 1-2 หยุด เข้าเกียร์ 1 ใหม่ ออกตัว ประมาณนี้แหละค่ะ ขับอยู่ประมาณ 45 นาที จากนั้นแฟนบุษขับกลับปรากฎว่ารอบมันต่ำมากค่ะประมาณขีดครึ่งของเลข 1 จากนั้นแฟนบุษ ก็พยายามเร่งเครื่องขึ้นพอชลอมิจังก็ดับไปเลย  :แงๆ: ต้องบิดสวิทซ์สตาร์ทใหม่ พอชลออีกก็เป็นอีกค่ะต้องบิดสวิทซ์สตาร์ใหม่เป็นอยู่หลายครั้งมากทีแรกคิดว่าเพราะน้ำมันใกล้หมด ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวไหม จึงขับมิจังไปเติมน้ำมัน ขับไปประมาณเกือบ1กิโลนี่แหละค่ะพอเติมน้ำมันเสร็จเพิ่งสังเกตเห็นว่าเบรคมือถูกดึงขึ้น :shock: แฟนบุษคงจะดีงขึ้นตอนที่เปลี่ยนกับบุษจะขับกลับนั่นแหละค่ะ พอรู้ว่าเบรคมือค้างจึงเอาลง ขับกลับอาการก็เหมือนเดิม ทีแรกบุษก็คิดว่า ECU (ใช่เปล่าหว่า)มันจำลักษณะการขับของบุษไว้ทำให้รอบต่ำ จึงบอกแฟนให้ไปอัดแต่แฟนอัดไม่ได้เพราะรถมันเยอะขับประมาณ 40-80 อาการก็เป็นเหมือนเดิมเมื่อชลอเวลารถติด มิจังดับค่ะต้องสตาร์ทใหม่ตลอดทุกรอบที่มีการชลอ

11 พ.ย. 53
แฟนชวนไปวัดบ้านไร่ที่ระยองบุษบอกงั้นลองอัดไปใหม่ ขับไปประมาณ 80-140 ความร้อนไม่เกิน 97 เพราะท้องฟ้าครึ้มไม่มีแดด แต่ก็มีไอร้อนบ้าง พอชลออาการก็เหมือนเดิม ตอนเข้าโค้งจะเข้าวัดได้ยินเสียงดังกึกดังพอสมควร  :วิญญาณ: ก็ขับต่อไปจนถึงวัดระยะทางไม่ไกลมากจากทางโค้งข้างต้นประมาณไม่เกิน 1 กม. จึงไปเปิดกระโปรงหน้าดู เห็นท่ออะไรไม่รู้ค่ะเล็ก ๆ สีดำ ไม่ได้ต่อแฟนจึงสันนิษฐานว่า สงสัยเสียงเมื่อกี้คงเป็นท่อนี้หลุด (ท่ออันนี้เป็นอันเดียวกับที่ godji เคยถามน่ะค่ะแล้วกล์อฟมาตอบว่ามันต้องต่อกับท่อที่เชื่อมไปปีกนกอะไรนี่แหละค่ะ แต่ตอนนั้นบุษยังไม่รู้นะคะมาดูกระทู้ทีหลัง) แฟนจึงจับใส่แล้วพอกลับมาถึงที่พักแฟนก็เอาสายรัดพลาสติกไปรัดไอ้เจ้าท่อที่ว่าเนี่ยค่ะ แต่ก็มีอาการเหมือนเดิมตลอดค่ะคือชลอแลัวเครื่องดับ ต้องสตาร์ทใหม่ตลอด :หนาว:

12 พ.ย. 53
แฟนพาไปรับลูกที่โรงเรียนเพื่อจะไปตลาดนัดกัน  :) ลืมเช็คระดับน้ำ พอไปถึงโรงเรียนซึ่งระยะทางห่างจากที่พักประมาณ 6-7 กม.ค่ะ แฟนลองเปิดดูหม้อพักน้ำปรากฎว่าน้ำเกือบหมดหม้อค่ะ  :shock: ก็เลยเติมน้ำแต่คงรอซักพักแล้วล่ะค่ะ พอดีบุษไปรอรับลูกแล้วแฟนโทรไปบอกว่ารับลูกแล้วให้เดินมาที่รถก่อนเพราะรถน้ำเกือบแห้งพอเติมน้ำเสร็จก็ไปตลาดนัดกัน ตลาดนัด(หน้าศาล)ห่างจากโรงเรียนประมาณ 1 กม.ค่ะ พอไปถึงก็เปิดฝากระโปรงหน้าดูหม้อพักน้ำปรากฎว่าน้ำลดอีกแล้วค่ะ มองดูที่ใต้ท้องรถปรากฎว่ามีน้ำหยดอย่างรวดเร็ว บริเวณฝั่งคนขับค่ะไม่ทราบว่าเป็นน้ำอะไร จึงไปซื้อน้ำแล้วรอซักพักมังค่ะจึงเติมเพราะบุษกับลูกไปเดิมดูของประมาณ 1 ชม. กลับมาแฟนบอกว่าระดับน้ำมันค่อย ๆ เพิ่มเกือบเท่าตอนที่เติมที่โรงเรียนแล้วก่อนที่แฟนจะเติมน้ำไปอีกค่ะ จากนั้นก็ขับไปอีกตลาดนัดนึง(นินจา)ต่อห่างกันประมาณ 3 กม. บุษกับลูกก็เดินอีกประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ แฟนบอกกลับได้แล้วจึงกลับมาเห็นแฟนติดรถรออยู่คงเปิดแอร์ด้วยมั้งบุษจึงลองก้มไปมองที่พื้นใต้ท้องรถปรากฎว่าน้ำนองเลยค่ะเปิดกระโปรงดูที่หม้อพักน้ำก็ไม่มีน้ำนะคะ แต่ยังไม่เติมน้ำรีบขับกลับที่พักแต่ขับด้วยความเร็วประมาณ 60-80 กม.ค่ะ แต่ความร้อนก็เหมือนเดิม ไปตัดที่ 98 แล้วลงมาไม่เกิน 95 ไม่รู้มีท่อน้ำตรงไหนรั่วหรือหลุดหรือเปล่าค่ะ พรุ่งนี้จะเอาไปให้คุณหนานมาดูแล้ว แต่ไม่รู้จะไปถึงมั้ยอ่ะดิค่ะ

13 พ.ย. 53
วันนี้ต้องเอามิจังไปให้คุณหนานมาช่วยปรับปรุงดังที่เคยคุยกันไว้ก่อนแล้ว แต่ปรากฎว่าเมื่อวานมิจังดันน้ำแห้ง บุษเลยบอกให้แฟนเอาไปให้อู่ที่อยู่แถวหนองมนดูให้ก่อนแล้วให้ซ่อมชั่วคราวไปก่อน ปรากฏว่าช่างบอกว่าท่อน้ำที่จะส่งน้ำไปต้มแก๊ส(อะไรประมาณนี้แหละค่ะ) แตก 2 เส้น เป็นท่อน้ำพลาสติกอ่ะค่ะ ก็เลยเปลี่ยนค่ะ ตอนนี้แฟนบุษคงกำลังขับรถไปหาคุณหนานมาอยู่มั้งค่ะ เดี๋ยวตอนเย็นกลับมาค่อยมาบันทึกอาการของมิจังต่อค่ะ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: chanat on 13 Nov 2010, 10:13
โอ้ เกือบไปแล้ว นะครับ นี่ยังโชคดี ที่ยังหมั่นตรวจเช็ค บ้าง ปกติแล้วการใช้รถเก่าหรือรถใหม่ก็ตามต้องหมั่นคอยตรวจเช็คเสมอครับ อย่างน้อย ก็เช็คในจุดที่เรา เช็คเองได้ เช่น น้ำหม้อน้ำ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรค และลมยางให้อยู่ในระดับปกติตลอด ส่วนเรื่อง ระดับน้ำที่หายไปนั้น ให้แก้ไขจากจุดที่ รั่วให้เรียบร้อย ก่อนแล้วค่อยขับไป หาพี่นพ ที่สัตหีบ อาการ เบาดับ มีหลายสาเหตุครับไม่ทราบ ว่าเป็นทั้งตอนใช้น้ำมันด้วยรึป่าว หรือเฉพาะตอนใช้แก็ซ หรือบางทีอาจแค่สายเว็คคั่มหลุด  หรือไอเดิ้ลสกปรกก็ได้ครับ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 13 Nov 2010, 12:19
ปรากฏว่าหาท่อไม่ได้ค่ะ สงสัยพรุ่งนี้อดไปเจอกันที่ดอกกรายแน่เลยค่ะ ทางร้านบอกว่าวันจันทร์ให้มาดูใหม่ค่ะ ทางกทม.ที่จะมาพรุ่งนี้ใครมีท่อ Number 21462 GM 90470017 EPDM บ้างไหมค่ะถ้ามีพกติดมาเผื่อบุษได้ไหมค่ะ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 13 Nov 2010, 13:30
ปรากฏว่าหาท่อไม่ได้ค่ะ สงสัยพรุ่งนี้อดไปเจอกันที่ดอกกรายแน่เลยค่ะ ทางร้านบอกว่าวันจันทร์ให้มาดูใหม่ค่ะ ทางกทม.ที่จะมาพรุ่งนี้ใครมีท่อ Number 21462 GM 90470017 EPDM บ้างไหมค่ะถ้ามีพกติดมาเผื่อบุษได้ไหมค่ะ
แฟนบุษสั่งท่อที่ศูนย์ เชฟไปแล้วค่ะ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: jeabjamiro on 13 Nov 2010, 13:43
ถ่ายรูปมาดีกว่าว่าอยู่ตรงไหน หน้าตายังไงครับ......
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 13 Nov 2010, 22:03
โอ้ เกือบไปแล้ว นะครับ นี่ยังโชคดี ที่ยังหมั่นตรวจเช็ค บ้าง ปกติแล้วการใช้รถเก่าหรือรถใหม่ก็ตามต้องหมั่นคอยตรวจเช็คเสมอครับ อย่างน้อย ก็เช็คในจุดที่เรา เช็คเองได้ เช่น น้ำหม้อน้ำ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรค และลมยางให้อยู่ในระดับปกติตลอด ส่วนเรื่อง ระดับน้ำที่หายไปนั้น ให้แก้ไขจากจุดที่ รั่วให้เรียบร้อย ก่อนแล้วค่อยขับไป หาพี่นพ ที่สัตหีบ อาการ เบาดับ มีหลายสาเหตุครับไม่ทราบ ว่าเป็นทั้งตอนใช้น้ำมันด้วยรึป่าว หรือเฉพาะตอนใช้แก็ซ หรือบางทีอาจแค่สายเว็คคั่มหลุด  หรือไอเดิ้ลสกปรกก็ได้ครับ
ชลอแล้วดับเป็นตอนใช้แก๊สค่ะ แต่ตอนนี้แฟนพี่เปลี่ยนวิธีเบรคคือปล่อยคันเร่งเหยียบเบรคก่อนแล้วใกล้ดับค่อยเหยียบครัช แล้วเข้าเกียร์ว่างให้ไว  อาการดังกล่าวก็ไม่ปรากฏ เว้นแต่เข้าเกียร์ว่างช้า หรือไม่ได้จังหวะมิจังก็ดับไปตามสไตล์
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 13 Nov 2010, 22:14
ถ่ายรูปมาดีกว่าว่าอยู่ตรงไหน หน้าตายังไงครับ......
พอดีพี่ไม่ได้ไปกับแฟนพี่เพราะพี่คิดว่าแฟนพี่คงไม่ซ่อมไม่นานแล้วคงเลยไปหาคุณนพพี่ต้องอยู่รอไปรับลูกแต่ปรากฎว่า 2 ชั่วโมงแล้วยังถอดกันอยู่เลย ถ้ารอร้านหาอะไหล่ให้ก็อีกนาน แฟนพี่ก็เลยไปหาซื้อของ ช่างเค้าถอดให้เอาไปเทียบหาซื้อตามร้านที่เค้าบอก ช่างบอกว่า ท่อน้ำเข้าหม้อต้มมัน แตก 2 ท่อค่ะ พี่ถามแฟนดูแล้วคิดว่าเป็นท่อตัว S ที่ต่อกับท่อน้ำหลังเครื่อง กับท่อที่ต่อจากตัว S อีกทีนี่แหละ โดนค่าท่อน้ำตัว S ไป 390 (ร้านอนุวัฒน์ชลบุรี) ส่วนท่ออีกอันนึงหาซื้อไม่ได้เลยต้องสั่ง 0 เชฟค่ะ 0 บอกรอ 2-3 วันค่ะมันจำไป 200  พี่เลยบอกให้ลองโทรไปหาคุณนพดูว่าทำไงดี แต่แฟนไปสั่ง 0 แล้ว แต่พี่ไม่อยากให้รถอยู่อู่นานเพราะเป็นอู่รถญี่ปุ่นเพิ่งเคยไปซ่อมรถคันเก่า ของแฟนครั้งเดียวยังไม่ค่อยคุ้นเคยเลยบอกให้แปลงไปก่อนของจริงมาค่อยเอาไป ให้คุณนพช่วยทำให้ ตอนเย็นเอารถกลับมาแล้วแต่ยังไม่กล้าใช้งานไกลเพราะที่แปลงเค้าก็ใช้ท่อเก่า แปลงนั่นแหละ  แล้วไอ้ท่อเก่าเนี่ยเจ้าของเดิมเค้าก็คงเคยเอาไปซ่อมมาแล้วเหมือนกันเพราะ แฟนว่างั้นนะ (ช่างบอกแฟนบุษอีกทีค่ะ) ส่วนไอ้ตัว S ใส่ของใหม่ที่ซื้อเข้าไปแล้ว กลับจากอู่มาก็คอยสังเกตน้ำยังไม่รั่วแต่ไม่กล้าขับไปไหนไกล อีกทีก็โน่นแหละวันเสารหน้าให้แฟนขับไปหาคุณนพจะได้รู้ว่าที่แปลงมามันจะแตกกลางทางอีกหรือเปล่า :หนาว:
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: หนานมา on 15 Nov 2010, 13:19
รูปภาพครับพี่...เอารูปมาให้ดูหน่อย...

จะได้วิเคราะห์ถูก :ไถ: :ไถ:
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 15 Nov 2010, 18:44
เดี๋ยวเสาร์อาทิตย์นี้ส่งของจริงไปให้ดูเลยค่ะ ;) ;) คุณหนานมา
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 15 Nov 2010, 19:17
14 พ.ย. 53

สืบเนื่องจากวันที่ 13 ต้องใส่ท่อน้ำแปลงของเก่าก่อนจึงไม่กล้าใช้มิจังไปไหนไกลจะเก็บไว้ไปหาคุณนพที่สัตหีบ วันนี้เลยไม่ได้ใช้มิจังไปไหน เลยลองเอาน้ำมัน all in one ไปฉีด ตามบุชประตู และที่เปิดประตู ที่ลอกประตู คอกุญแจ ติดสติกเกอร์การ์ตูนที่บั้นท้ายซ้าย (สีแตกติดกลบเกลื่อนแต่ดันติดไม่เนียน) ติดพลาสติกรูปการ์ตูนที่กระจกด้านหน้า(ไว้บังแดด) เช็ดทำความสะอาด  ;) ใส่ปอกพวงมาลัยเพราะเหงื่อมือเยอะ แล้วจะเลื่อนมิจังให้หลบแดดหน่อย ปรากฎว่าไม่สามารถบิดกุญแจไปสวิทซ์ ON ได้ ทีแรกก็เครียดเลยเฮ้ย :shock: เป็นไรเนี่ย ทำไมบิดกุญแจ ON ไม่ได้ จึงไปถามแฟน แฟนบอกพวงมาลัยล๊อกรึเปล่า ไหนลองบิดพวงมาลัยแล้วก็บิดกุญแจซิ เออ จริงด้วย ออกแรงบิดพวงมาลัยหน่อยพร้อมบิดกุญแจไป ON ได้แล้ว ค่อยยังชั่ว :น้ำร้อน:
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bat on 15 Nov 2010, 20:24
นึกว่าคอกุญแจจะเสียไปอีก 8) 8) 8)   
คุณบุต เช็ดๆถูๆ มันบ่อยๆหน่อย เดี๋ยวมันก็จะไม่งอแงเองละ  8) 8) 8)
จริงๆก็ใช้ได้แล้วละ ไม่ต้องกลัวอะไรหรอก มันใช้ได้ก็ใช้ไปเถอะ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 27 Nov 2010, 00:02
20 พ.ย. 53
ให้คุณนพช่วยซ่อมสวิทซ์แอร์ จนสามารถบิดไปที่สีฟ้าได้แล้ว แต่ความเย็นยังคงเสมอต้นเสมอปลายไม่ว่าจะบิดไปทางไหนก็เย็นเท่ากันหมดเหมือนเดิม คุณนพยังช่วยเอากาว pack seal ทาที่บริเวณโคนเสาอากาศกันน้ำเข้าให้ด้วย ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ  :)

22 พ.ย. 53
สามีขับมิจังรับส่งญาติที่มาร่วมยินดีกับลูกพี่ลูกน้องของสามีเนื่องในโอกาสรับปริญญาที่ ม.บูรพา และตอนเย็นก็ขับมิจังไปร่วมฉลองที่นาเกลือ ปรากฎว่าเดินเบาแล้วดับตลอดเลยค่ะ เวลาเลี้ยว เวลาติดไปแดง เวลารถเริ่มติด ดับตลอด เอ..มิจังเป็นอะไรนะ แต่ก็ขับกันไปจนได้ค่ะ ดับก็หมุนกุญแจสตาร์ทใหม่ ไปเรื่อย ๆ ทั้งขาไปและขากลับ และไฟหน้าเครื่องขึ้นโชว์ตลอด  :หนาว: (เดิมจะขึ้นสักพักหนึ่งแล้วจะหายไป)

26 พ.ย. 53
หลังจากวันที่ 22 แล้วก็ยังไม่ได้ไปไหนเลย วันนี้ว่างเลยมาขัดขาฟิล์ว ตามเพื่อนในเวปแนะนำไว้ สังเกตเห็นว่าฟิล์วกับฐานฟิล์วคนละสีกันหลายช่องอยู่จึงทำการเปลี่ยนให้แถวบนทั้งแถวสีเดียวกันส่วนแถวล่างต้องรอไปซื้อฟิล์วมาก่อนเพราะฟิล์วสีเดียวกับฐานมันไม่พอ และสามีมาช่วยใช้เทปพันสายไฟ พันสายไฟช่วงข้อต่อให้แน่ขึ้นหนึ่งจุด
พอดีตอนสาย ๆ แม่สามีที่ระยองบอกญาติขึ้นบ้านใหม่ อยากให้ไปร่วมงาน บุษและสามีจึงไปรับลูกตอนเลิกเรียนแล้วก็จะไประยองกันปรากฎว่าระหว่างทางไปรับลูก มิจังก็มีอาการเดิมคือเดินเบาแล้วดับตลอดอีก สามีสังเกตดูว่าเวลาเบาเครื่อง รอบจะหายไปเลย ปกติเดิมทีที่ได้มิจังมาใหม่ ๆ รอบตอนสตาร์ทแบบไม่เหยียบคันเร่งช่วยจะอยู่ที่ 1000 โดยประมาณ แต่วันนี้สังเกตดูถ้าไม่เหยียบคันเร่งช่วยสตาร์ทไม่ได้เลย ทำงัยดีล่ะ บุษไม่รู้จะทำงัยเลยเอาน้ำมัน all in one มาฉีดดู แต่ก็ไม่ work สามีบอกคงเป็นที่สายคันเร่งเพราะเดินเบาแล้วดับเป็นทั้งตอนใช้แก๊สและน้ำมัน จากการสังเกตของสามี ๆ บอกว่า สายคันเร่งมันไม่ถูกดึงไว้เลยเวลาเร่ง สามีเลยลองตั้งสายคันเร่งดูปรากฎว่าหลังจากตั้งสายคันเร่งแล้วไฟหน้าเครื่องก็ดับไปเวลาเบาเครื่องรอบก็กลับมาเท่าเดิมคือประมาณ 1000 และเครื่องก็ไม่ดับอีก วันนี้ไปกลับระยองสบายใจแล้ว เดินเบาเครื่องไม่ดับเลยแต่ไฟหน้าเครื่องขึ้นตอนขาไป แต่ขากลับไฟหน้าเครื่องก็ไม่ขึ้นเลย :)
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bat on 27 Nov 2010, 00:14
สังเกตเห็นว่าฟิล์วกับฐานฟิล์วคนละสีกันหลายช่องอยู่จึงทำการเปลี่ยนให้แถวบนทั้งแถวสีเดียวกันส่วนแถวล่างต้องรอไปซื้อฟิล์วมาก่อน :o :o :o :เครียด: :เครียด: :เครียด:

กำจริงๆ ดูแต่สี ไม่ดูค่าของฟิวล์เลยเหรอ 

แต่ก็ยังคงที่ไม่เป็นไรตอนนี้  :เครียด: :เครียด: :drink: :dead: :dead:
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: หนานมา on 27 Nov 2010, 00:43
สังเกตเห็นว่าฟิล์วกับฐานฟิล์วคนละสีกันหลายช่องอยู่จึงทำการเปลี่ยนให้แถวบนทั้งแถวสีเดียวกันส่วนแถวล่างต้องรอไปซื้อฟิล์วมาก่อน :o :o :o :เครียด: :เครียด: :เครียด:

กำจริงๆ ดูแต่สี ไม่ดูค่าของฟิวล์เลยเหรอ  

แต่ก็ยังคงที่ไม่เป็นไรตอนนี้  :เครียด: :เครียด: :drink: :dead: :dead:
....


น้า....แอสตร้า...ช่องเสียบฟิวส์กับฟิวส์จะสีเดียวกัน...

และฟิวส์ที่ใช้สำหรับรถยนต์แต่ละค่าก้อจะมีสีเป็นมาตรฐานสากลใช้ได้ทั่วโลกครับ

เช่น...สีแดงก้อจะมีค่าประมาณ 10แอมป์ สีเขียวก้อประมาณ 30 แอมป์

เรื่องรอบ...เดินเบาแล้วดับ...

ต้องสังเกตุด้วยนะครับ  ว่าเป็นตอนใช้น้ำมัน  หรือว่าเป็นตอนใช้แก๊ส

ถ้าเป็นเฉพาะแก๊่ส ก้อไปจูนแก๊สใหม่

ถ้าเป็นเฉพาะน้ำมันก้อไปว่ากันเรื่องน้ำมันท่อทาง กรอง เรคกูเลเตอต์

ถ้าเป็นทั้งสองอย่าง ก้อไปว่ากันเรื่องระบบไฟ ตามนั้นครับ...
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bat on 27 Nov 2010, 01:23
 :สำนึก: :สำนึก:  หน้าแตกเลย  ;D ;D  ดึกๆแล้วผมเพี้ยนเองละ ;D ;D


แต่ก็ต้องชมเชยแฟนคุณบุตนะที่รู้จักสังเกตุและแก้ปัญหาเองได้  :D :D
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: หนานมา on 27 Nov 2010, 06:31
:สำนึก: :สำนึก:  หน้าแตกเลย  ;D ;D  ดึกๆแล้วผมเพี้ยนเองละ ;D ;D


แต่ก็ต้องชมเชยแฟนคุณบุตนะที่รู้จักสังเกตุและแก้ปัญหาเองได้  :D :D

...ไม่หรอกน่าาาาา.....น้า :)

คนเรามันก้อหลงๆลืมกันมั่งตามอายุขัยอะแหละ ;D

หรือไม่ก้องานเยอะก้อเลยเบลอมั่งก้อเท่านั้นเอง 8) 8)
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 27 Nov 2010, 14:08
ขอบคุณคุณบัติที่เป็นห่วงค่ะ  :-* ขอบคุณคุณนพสำหรับคำแนะนำดี ๆ ค่ะ ลืมบอกไปว่าแอร์มันเย็นแล้วนะคะ หลังจากกลับจากหาคุณนพวันรุ่งขึ้นแฟนบุษลองไปให้ช่างแอร์ดูช่างบอกว่าแอร์ยังใหม่อยู่ ไม่เห็นจุดรั่วเลยเดิมน้ำยาแอร์ไป 400 บาท กลับมาหนาวเจี๊ยบเหมือนตอนเอามาใหม่ ๆ แล้ว ปรับเพิ่มลดอุณหภูมิของแอร์ยังไม่ได้ แต่ก็โอเคค่ะ ปรับพัดลมเอาก็แล้วกัน ถ้าหนาวมากบุษก็ปิดพัดลมครู่นึงแล้วก็เปิดใหม่ เปิดพัดลมแค่เบอร์ 1 ก็หนาวเจี๊ยบแล้วค่ะ แต่คิดในแง่ดี ดีกว่ามันร้อนค่ะ :)
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 29 Nov 2010, 14:23
28 พ.ย. 53

วันนี้ไประยองมา ขาไปใกล้จะถึงปรากฎว่าอาการเดินเบาแล้วดับกลับมาอีกแล้ว  :shock: พอไปถึงบ้านแม่สามี สามีลองเปิดกระโปรงหน้ามิจังดู ปรากฎว่ากิ๊ฟสายคันเร่งที่หนีบหายไปซะแล้ว ทำให้รอบเดินเบาแล้วดับตลอดกับมาอีก หรืออาจจะเป็นอย่างอื่นร่วมด้วยก็ม่ายรู้  :หนาว: แถมเวลาเลี้ยวซ้ายสุดมีเสียงดังตึก ดังมากเลยอ่ะอีกอาการร่วมด้วย  :จุก:  แต่ทางตรงไม่มีเสียง ขากลับจึงต้องคอยเร่งเครื่องไม่ให้ดับ ถ้าดับก็ต้องสตาร์ทใหม่มาตลอดทาง  :'( แอร์ยังเย็นอยู่

29 พ.ย. 53
วันนี้พามิจังเข้าอู่ไปแล้ว ตอนเย็นค่อยไปสอบถามว่าเสร็จมั้ย
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: หนานมา on 30 Nov 2010, 08:10
ผมว่า...ไม่น่่าจะใช่ กิ๊ฟล๊อกสายคันเร่งนาาาา :มั้ง:

ถ้าเป็นตัวนี้...เร่งเครื่องไม่ได้ครับ.....

ช่วงที่เดินเบาแล้วดับ...ลองสังเกตุอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นด้วยนะครับ

ถ้ามันร้อนมากกว่าปกติ มันจะทำให้แก๊สบาง.... :หนาว:
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 30 Nov 2010, 23:17
30 พ.ย. 53
อาการเดินเบาแล้วดับผสมกับอาการรอบไม่นิ่ง ปรากฎว่าประเก็นที่ควบคุมรอบ (ไม่รู้เรียกถูกเป่า) มันทะลุค่ะ  :omg: ส่วนเสียงตึกเวลาเลี้ยวเป็นที่หัวเพลาขับทั้งในและนอกค่ะ อย่างหลวมเลยค่ะ ดูภายนอกไม่แตก ไม่สึกทั้งสองอันเลย แต่ขยับดู หลวม มาก ๆ ที่ร้าน เอสโอก็โทรไปแล้วปรากฏว่า ไม่มีซะแล้วต้องรออีกภายในอาทิตย์นี้ แต่ไม่รู้วันไหนค่ะ เลยซื้อที่อนุวัฒน์มาแล้ว หัวเพลานอกของใหม่เทียบบอกของญี่ปุ่น ส่วนหัวเพลาในบอกของแท้มือสองไม่รู้จริงเปล่า  :หนาว:
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: หนานมา on 01 Dec 2010, 08:43
อ๋อออ....ลมมันมีที่เข้า แทนที่จะดูดแก๊สได้ตามปกติ

ก้อเลยดูดได้น้อยลง  ดีนะที่ยังไม่ถึงกะแบ๊คฯ :หนาว:
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 03 Dec 2010, 08:40
2 ธ.ค. 53

หลังจากเอาเข้าอู่อยู่หลายวันท่าทางช่างรถญี่ปุ่นจะงง ๆ กับมิจัง ไม่รู้ว่ามิจังเป็นอะไรทำมันรอบไม่นิ่งและดับตลอดตอนเดินเบา คุณนพสอนให้เช็คโค๊ชน้องเค้าก็ว่ายาก แต่บุษคิดว่าน้องเค้าคงไม่กล้าว่าถ้าช๊อคขาฟิวผิดอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อรถอีกมั้ง บุษเลยจัดการตามที่คุณนพสอนเองเลย แล้วเลยบอกกับอู่ว่าเอาเท่าที่อู่ทำได้ก่อนแล้วกันเดี๋ยวไปหาเพื่อนที่เค้าใช้รถโอเปิ้ลเหมือนกันช่วยดู เค้าก็โอเคดีนะเพราะเราก็เห็นเค้าพยายามเต็มที่รับผิดชอบงานดี ทั้งน้องช่างแล้วก็พี่เจ้าของอู่ สรุปว่าที่อู่ก็เปลี่ยนประเก็นแถวตรงคอยให้ กับเปลี่ยนหัวเพลานอกในด้านซ้ายไปเรียบร้อยแล้ว (หัวเพลาหาไปเอง) คิดค่าบริการ 500 บาท จากนั้นแฟนบุษก็ขับไปหาคุณนพต่อ อาการเหมือนเดิมเบาดับตลอดทาง บุษไม่ได้ไปด้วยอยู่รอลูก ลูกกลับมาปรากฎว่าป่วยไข้ขึ้น ต้องคอยเช็ดตัวลูก โทรศัพท์ถามแฟนดูว่าเป็นยังงัยบ้างปรากฎว่าเป็นที่ แครงชาร์ปเซนเซอร์ คุณหนานมาช่วยเปลี่ยนเอาอะไหล่ที่บ้านใส่ให้แล้วรอบเดินเบาก็นิ่งเลยค่ะเบาไม่ดับแล้ว :D

3 ธ.ค. 53

วันนี้ถามแฟนว่าเป็นงัยบ้างตอนขับกลับมีปัญหาอะไรบ้างมั้ย แฟนบอกมันเร่งไม่ค่อยขึ้นใช้น้ำมันก็พอได้  ถ้าเป็นแก๊สออกตัวไม่ได้อืดมากเลย ไม่รู้ว่ามีอะไรเสียอีกรึเปล่า รบกวนปรมาจารย์ทั้งหลายช่วยให้ข้อเสนอแนะด้วยค่ะ

Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: หนานมา on 03 Dec 2010, 09:07
เมื่อวานผมจูนแก๊สเดินเบาไปให้แล้วครับ....

แต่ไม่ได้ออกวิ่งไปจูนข้างนอก...(จูนการตอบสนองอัตราเร่ง)

แต่ได้บอกวิธีการให้ไปแล้ว...ยังงัยถ้ารู้จักร้านที่จูนแก๊ส นำเข้าไปให้ช่างจูนอีกทีก้อได้ครับ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 03 Dec 2010, 10:02
เมื่อวานผมจูนแก๊สเดินเบาไปให้แล้วครับ....

แต่ไม่ได้ออกวิ่งไปจูนข้างนอก...(จูนการตอบสนองอัตราเร่ง)

แต่ได้บอกวิธีการให้ไปแล้ว...ยังงัยถ้ารู้จักร้านที่จูนแก๊ส นำเข้าไปให้ช่างจูนอีกทีก้อได้ครับ

โอเคค่ะ :)
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: jeabjamiro on 03 Dec 2010, 10:08
 :หนาว: ผมว่า หาเวลาว่างๆ มา กทม. เอารถน้าบัติไปใช้ ซักอาทิตย์เถอะครับ น้าแกคงอยากลองอยากดูให้แน่ เพราะเห็นแกไม่ค่อยสบายใจเลย ที่เอารถไปแล้วป่วยๆ
ยังไงลองโทรถามน้าแกอีกทีแล้วกันครับ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 03 Dec 2010, 11:13
:หนาว: ผมว่า หาเวลาว่างๆ มา กทม. เอารถน้าบัติไปใช้ ซักอาทิตย์เถอะครับ น้าแกคงอยากลองอยากดูให้แน่ เพราะเห็นแกไม่ค่อยสบายใจเลย ที่เอารถไปแล้วป่วยๆ
ยังไงลองโทรถามน้าแกอีกทีแล้วกันครับ

เจี๊ยบ..พี่เข้าใจ รถมันเก่า อายุมันก็มากแล้วโอกาสที่อะไรมันจะเสียเป็นไปได้ทุกเมื่อมันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของเดิมเค้าดูแลดีรึเปล่าด้วย มิจังเจ้าของเดิมเค้าอาจจะไม่ค่อยได้ดูและ ตอนคุณบัติเอาไปทำให้บางอย่างมันอาจจะแค่ซึม หรือเปื่อย จึงไม่เห็นอาการ พอมาอยู่กับพี่ไอ้ที่มันเคยซึมหรือเปื่อยมันก็ถึงเวลาทะลุบ้างขาดบ้าง มันก็ต้องเปลี่ยนกันไป แต่ถ้าเปลี่ยนแล้วมันอยู่ได้อีก  5-10 ปีมันก็คุ้มค่า  แต่พี่คงไม่ถึงกับใช้ของแท้หรอกมันแรง พี่ก็อยากเรียนรู้อาการของมิจังมันด้วยว่ามันเป็นแบบนี้อะไรที่น่าสงสัยตามที่เพื่อนสมาชิกแนะนำ ต่อไปมิจังเป็นอะไรอีกพี่จะได้เข้ามาอ่านในบันทึกงัยจะได้มีแนวทางการซ่อม บอกคุณบัติด้วยไม่ต้องคิดมาก ไอ้ที่คุณบัติทำมาให้น่ะมันก็ไม่มีอะไรเสียนะ นอกจากไอ้หัวเทียนที่มันดำไว แต่ที่มันเป็นแบบนั้น ก็คงเป็นเพราะเซนเซอร์แครงชาร์ป(เรียกถูกเปล่า)มันเสียนั่นแหละมั้งนะ  :(
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: jeabjamiro on 03 Dec 2010, 11:18
เหอะๆ งันก็โอเค ครับผม เห็นแล้ว แกรงว่าพี่จะท้อ ซะก่อนน
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: aor on 03 Dec 2010, 11:28
สู้ ๆ ครับ แต่อย่าไปคิดเลยครับว่าเจ้าของเก่าเขาดูแลมาแค่ไหน คอร์ซ่าผมเรียกว่านับ 1 กันใหม่เลย เพราะมันมาอยู่ในมือเราแล้ว
แต่หลัก ๆ พี่ได้ไปทำแล้วใช่ไหมครับ พวกเปลี่ยนถ่ายของเหลว สายพานราวลิ้น ลูกรอก ปั๊มน้ำ เห็นในความเห็นแรกบอกว่า หลังจากซื้อ
ก็จ่ายไป 25K
ทุกปัญหามันแก้ไขได้จบหมดครับ ขอยืนยัน (ยกเว้นกระเป๋าแฟบ ปัญหานี้ตัวใครตัวมัน) ปัญหาความร้อนมันเป็นเรื่องที่แก้ได้ไม่ยาก
ก็ต้องไปใล่กันที่ระบบหล่อเย็น อะไรเสียก็จับเปลี่ยน อะไหล่แท้ก็ไม่ได้ถึงกับราคาจะแรงมากอะไร หรือจะใช้ของเทียบ มันก็ยังดีกว่าไป
เอาของเก่ามาใส่นะครับ (ในกรณีของใหม่ราคาไม่แรงจัด) พวกชิ้นส่วนที่มียางเป็นส่วนประกอบ ถ้ามันเสื่อมแล้ว ก็จับเปลี่ยนใส่ของใหม่
แทนเลยนะครับ ของเก่ามือสองอย่าไปเอา ใส่ไปก็ใช้ต่อไปได้อีกไม่นาน
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: Wit on 03 Dec 2010, 11:33
อีกอย่างที่ทำให้ค่าบำรุงรักษามากกว่าจำเป็น เช่น หัวเทียน ออกซิเจนเซนเซอร์ แอร์โฟร์ เสียเร็วหรือ ง่าย คือ การจูนแก็สไม่เหมาะสม ซึ่งเรื่องนี้ แก็สแบบ fixed mix นะ เป็นปัญหามากกว่ามาก แบบหัวฉีดติดตั้งแล้ว ปรับเข้าที่ได้ ก็เกือบไม่ต้องดูอีกเลยเรื่องการจูน จริงๆ คราบเขม่าเป็นก้อนที่ก้านวาล์วไอดี ก็เป็นอีกตัวบ่งชี้ของส่วนผสมที่ไม่เหมาะสม

จริงๆ เห็นมีประเด็นเรื่อง เครื่อง 8v แบบหัวฉีดเดียว ติดแก็สแบบหัวฉีดได้ไหม จริงๆ แล้วได้

ตั้งเป็นคำถามให้คิดง่ายๆก็ได้ เครื่อง 5 สูบ กะ 6 สูบ ติดแก็สหัวฉีดได้ไหม แล้ว 8 สูบ กะ 12 สูบล่ะ (ติดได้ทั้งนั้น)
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 03 Dec 2010, 12:22
สู้ ๆ ครับ แต่อย่าไปคิดเลยครับว่าเจ้าของเก่าเขาดูแลมาแค่ไหน คอร์ซ่าผมเรียกว่านับ 1 กันใหม่เลย เพราะมันมาอยู่ในมือเราแล้ว
แต่หลัก ๆ พี่ได้ไปทำแล้วใช่ไหมครับ พวกเปลี่ยนถ่ายของเหลว สายพานราวลิ้น ลูกรอก ปั๊มน้ำ เห็นในความเห็นแรกบอกว่า หลังจากซื้อ
ก็จ่ายไป 25K
ทุกปัญหามันแก้ไขได้จบหมดครับ ขอยืนยัน (ยกเว้นกระเป๋าแฟบ ปัญหานี้ตัวใครตัวมัน) ปัญหาความร้อนมันเป็นเรื่องที่แก้ได้ไม่ยาก
ก็ต้องไปใล่กันที่ระบบหล่อเย็น อะไรเสียก็จับเปลี่ยน อะไหล่แท้ก็ไม่ได้ถึงกับราคาจะแรงมากอะไร หรือจะใช้ของเทียบ มันก็ยังดีกว่าไป
เอาของเก่ามาใส่นะครับ (ในกรณีของใหม่ราคาไม่แรงจัด) พวกชิ้นส่วนที่มียางเป็นส่วนประกอบ ถ้ามันเสื่อมแล้ว ก็จับเปลี่ยนใส่ของใหม่
แทนเลยนะครับ ของเก่ามือสองอย่าไปเอา ใส่ไปก็ใช้ต่อไปได้อีกไม่นาน

ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำแนะนำดี ๆ ค่ะ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 03 Dec 2010, 12:26
อีกอย่างที่ทำให้ค่าบำรุงรักษามากกว่าจำเป็น เช่น หัวเทียน ออกซิเจนเซนเซอร์ แอร์โฟร์ เสียเร็วหรือ ง่าย คือ การจูนแก็สไม่เหมาะสม ซึ่งเรื่องนี้ แก็สแบบ fixed mix นะ เป็นปัญหามากกว่ามาก แบบหัวฉีดติดตั้งแล้ว ปรับเข้าที่ได้ ก็เกือบไม่ต้องดูอีกเลยเรื่องการจูน จริงๆ คราบเขม่าเป็นก้อนที่ก้านวาล์วไอดี ก็เป็นอีกตัวบ่งชี้ของส่วนผสมที่ไม่เหมาะสม

จริงๆ เห็นมีประเด็นเรื่อง เครื่อง 8v แบบหัวฉีดเดียว ติดแก็สแบบหัวฉีดได้ไหม จริงๆ แล้วได้

ตั้งเป็นคำถามให้คิดง่ายๆก็ได้ เครื่อง 5 สูบ กะ 6 สูบ ติดแก็สหัวฉีดได้ไหม แล้ว 8 สูบ กะ 12 สูบล่ะ (ติดได้ทั้งนั้น)

ขอบคุณคุณวิทค่ะสำหรับข้อมูลดี ๆ เรื่องแก๊สเดี๋ยวบุษจะเอาไปให้เพื่อนบ้านที่เค้ารับติดตั้งแก๊สจูนให้อีกที ค่ะ  จะเปลี่ยนเป็นหัวฉีดตอนนี้ก็ยังเสียดายตังส์อยู่เพิ่งติดตั้งมาแค่เดือนเดียวเองค่ะ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 04 Dec 2010, 14:09
4 ธ.ค. 53

วันนี้ตัดสินใจเอาไปให้ช่างเข้ช่วยดูดีกว่า ปรากฎว่าสายหัวเทียนขาดกับคอยจุดระเบิดลูกที่ 1 เสียทำให้เร่งไม่ขึ้น รอบสูงแต่เร่งความเร็วไม่ขึ้น เปลี่ยนเซนเซอร์แครงชาร์ป เพื่อแก้ไขอาการเดินเบาแล้วดับ แล้วก็เปลี่ยนสวิทซ์หัวโตเพื่อให้พัดลมทำงานไวขึ้น ความร้อนจากเดิมขึ้นไป 98 แล้วลงเป็น 95 ตอนนี้ไม่เกิน 92 แล้ว มิจังกลับมาเกือบจะปกติแต่มีอาการสั่นที่ความเร็ว 120+ ช่างเข้าบอกว่าเป็นเพราะเปลี่ยนเพลาหัวขับแล้วต้องไปตั้งศูนย์ เดี๋ยวไว้ไปเปลี่ยนยางหน้า ซึ่งปัจจุบันปี 06 (เนื้อยางแข็งแล้วแต่ดูจากสภาพเหมือนใหม่) แล้วค่อยให้ช่างตั้งศูนย์ให้พร้อมกัน มีอีกอย่างที่ต้องเปลี่ยนคือท่อน้ำขด ๆ ที่ต่อกับหม้อน้ำหน้าเครื่องแต่วันนี้ที่ช่างเข้ยังไม่มีของเดี๋ยวสั่งแล้วให้ช่างส่งไปให้ในภายหลัง วันนี้หมดไป 4200  :จุก:  วันก่อนค่าเพลาหัวขับนอกใน และค่าแรงรวม 3200
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 04 Dec 2010, 15:20
วันนี้นึกว่าจะจบเรื่องแล้ว เลยเอาไปให้เพื่อนบ้านที่รับติดแก๊สจูนแก๊สให้คิดว่ามีเครืองมือ ที่ไหนได้ไม่มีเครื่องมือวัดเลย เกิดแบล็กไฟร์ท่ออากาศขาดเลย  :shock: เฮ้ย เหนื่อยจัง ไม่รู้มีอะไรเสียหายอีกบ้าง ใช้น้ำมันได้ แต่เปลี่ยนเป็นแก๊สแล้วดับไม่รู้อะไรรั่วหรือขาดอีกรึเปล่า ไอ้แบล็กไฟร์เนี่ยมันจะกระทบกับชิ้นส่วนไหนบ้างนะ :'( :'(
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: Wit on 04 Dec 2010, 20:17
ยามที่แก็ส back fire มันสามารถทำให้ แอร์โฟร หรือ แอร์แมส แล้วแต่รุ่น เสียได้เลยถ้าหนักๆ ซึ่งราคาของใหม่ก็ตั้งแต่ 3 หรือ 4 พัน จนกระทั่งเป็นหมื่นในบางรุ่น

ก้านวาล์ว ก็อาจคดได้ ไม่รวมถึงท่ออากาศต่างๆ รวมท่ออากาศทั้งเส้นของใหม่ ก็คงสัก 1500 ได้ ส่วนย่อยๆ ก็คง 500

ฉะนั้นราคาความต่างของการติดตั้งแก็สแบบหัวฉีด เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับคนใช้รถ โดยเฉพาะผู้ใช้รถทั่วไปส่วนใหญ่ แต่คนที่ชอบทำเรื่องยากๆ หน่อย ก็แบบ fixed mix ก็คงให้ความท้าทายดีครับ (แล้วแต่คนชอบนะครับ)

แต่ระบบที่ดี ก็ต้องได้รับการติดตั้งและจูนอย่างถูกต้อง ผมไม่มีคำแนะนำสำหรับเจ้าที่ให้บริการนะครับ ยังไม่เจอรายที่คิดว่าดีแบบไม่ต้องไปเฝ้าดูเองเหมือนกัน
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 04 Dec 2010, 20:35
แอร์โฟร หรือ แอร์แมส

รบกวนหน่อยค่ะ มันอยู่ตรงไหน หน้าตามันเป็นยังงัยค่ะจะได้ลองไปตรวจดู ตอนนี้ท่ออากาศขาดไปแล้วใช้กาวซิลิโคนทาแปะเอาไปก่อนค่ะ :จุก:
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: มือใหม่corsa on 05 Dec 2010, 08:40
มันจะมีอุปกรณ์กันความเสียหายที่เกิดจากการ back fire โดยติดตั้งไว้บริเวณฝาครอบเพื่อระบายแรงดันกันฝาครอบแตกครับอันละร้อยกว่าบาทดังตัวอย่าง ยืมรูปป๋ากิ๊ฟมาครับ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 05 Dec 2010, 09:44
หาซื้อได้ที่ไหนค่ะน้าหมอ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: หนานมา on 05 Dec 2010, 11:02
วันนี้นึกว่าจะจบเรื่องแล้ว เลยเอาไปให้เพื่อนบ้านที่รับติดแก๊สจูนแก๊สให้คิดว่ามีเครืองมือ ที่ไหนได้ไม่มีเครื่องมือวัดเลย เกิดแบล็กไฟร์ท่ออากาศขาดเลย  :shock: เฮ้ย เหนื่อยจัง ไม่รู้มีอะไรเสียหายอีกบ้าง ใช้น้ำมันได้ แต่เปลี่ยนเป็นแก๊สแล้วดับไม่รู้อะไรรั่วหรือขาดอีกรึเปล่า ไอ้แบล็กไฟร์เนี่ยมันจะกระทบกับชิ้นส่วนไหนบ้างนะ :'( :'(

ไม่มีไรพังหรอกครับ....

รถผมแบ๊คจนชินละ...

ตอนรถติดๆ อยากให้มันแบ็ค...มันก้อไม่ยอกแบ๊คสักกะที.... ;D
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: มือใหม่corsa on 05 Dec 2010, 16:34
หาซื้อได้ที่ไหนค่ะน้าหมอ

ร้านอุปกรณ์แก๊สครับมีขายประมาณ150บาท
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 05 Dec 2010, 20:28
เมื่อเช้าเอาไปจ้างร้านจูนแก๊สให้หมดไป 300 แฟนจะขับไปนาเกลือขับดีชลอไม่ดับ แต่พอไปใกล้ถึงนาเกลือติดไฟแดงดับอีกแล้ว ต้องสับเป็นน้ำมัน พอเป็นแก๊สก็ชลอดับอีก แต่น้ำมันไม่เป็น แฟนเลยไปจูนเองที่บ้านน้าที่นาเกลือ พอจูนเสร็จก็ขับพาน้าวนดูทางเพราะเพื่อนน้าจะขับกลับกรุงเทพพรุ่งนี้แต่ไม่คุ้นเส้นทางเลยจะให้แฟนบุษพาขับดูเส้นทางก่อน ปรากฎว่าแฟนบุษอยากลองเครื่องคงลืมว่าท่ออาศมันขาดเอากาวแปะเหล็กแปะไว้อยู่ทีแรกบุษก็เข้าใจว่ามันคือซิลิโคน เลยขับซะ 140 เลย พอชลอความเร็วลงมาแล้วจะเร่งใหม่แบคไฟร์ท่อขาดที่เดิม โชคดีขาดอยู่หน้าร้านค้า เลยไปซื้อน้ำขวดขุ่นเอาน้ำออกเช็ดแล้วตัดหัวท้ายเอาขวดสวมทับท่ออากาศแล้วเอาสายรัด รัดไปก่อน จากนั้นเลยยังไม่กล้าใช้แก๊ส น้ากลัวมากเลย น้าบอกให้ใช้น้ำมันเถอะนะ พอเสร็จจาก พาน้าวนดูเส้นทางเสร็จก็ไปเที่ยวตลาด 4 พัทยาแล้วไปส่งน้ากลับนาเกลือโดยใช้น้ำมันตลอด ขากลับแฟนไม่ห่วงชีวิตลูกเมียเลยกลับไปวิ่งแก๊สอีกก็เป็นเหมือนเดิมชลอดับ แต่ไม่มีแบคไฟร์ จะแก้อาการนี้ยังงัยดี :please: :please:
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: chanat on 05 Dec 2010, 22:28
ตอนนี้ ยังไง ต้องทำให้ระบบ อากาศ สมบูรณ์ก่อนนะครับ ถ้าใช้แก็ซ แล้ว อากาศไม่สมบูณ์  เช่นท่อแตก รั่ว หรือเวคคั่ม ไม่สมบูรณ์ ไม่ว่าระบบไหน ก้แบ็คไฟค์ กระจายเหมือนกันครับ แก็ซมัน อ่อนไหวกับอากาศมากครับ แก้ไขเรื่องท่อแตก หาท่อมาเปลี่ยนนะครับ ถ่ายรูปมาลง แล้วสั่ง จากกทมไปก้ได้ครับ  อย่าตกใจไปครับ  ไม่ยากๆ ครับผม
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: หนานมา on 06 Dec 2010, 09:12
เมื่อเช้าเอาไปจ้างร้านจูนแก๊สให้หมดไป 300 แฟนจะขับไปนาเกลือขับดีชลอไม่ดับ แต่พอไปใกล้ถึงนาเกลือติดไฟแดงดับอีกแล้ว ต้องสับเป็นน้ำมัน พอเป็นแก๊สก็ชลอดับอีก แต่น้ำมันไม่เป็น แฟนเลยไปจูนเองที่บ้านน้าที่นาเกลือ พอจูนเสร็จก็ขับพาน้าวนดูทางเพราะเพื่อนน้าจะขับกลับกรุงเทพพรุ่งนี้แต่ไม่คุ้นเส้นทางเลยจะให้แฟนบุษพาขับดูเส้นทางก่อน ปรากฎว่าแฟนบุษอยากลองเครื่องคงลืมว่าท่ออาศมันขาดเอากาวแปะเหล็กแปะไว้อยู่ทีแรกบุษก็เข้าใจว่ามันคือซิลิโคน เลยขับซะ 140 เลย พอชลอความเร็วลงมาแล้วจะเร่งใหม่แบคไฟร์ท่อขาดที่เดิม โชคดีขาดอยู่หน้าร้านค้า เลยไปซื้อน้ำขวดขุ่นเอาน้ำออกเช็ดแล้วตัดหัวท้ายเอาขวดสวมทับท่ออากาศแล้วเอาสายรัด รัดไปก่อน จากนั้นเลยยังไม่กล้าใช้แก๊ส น้ากลัวมากเลย น้าบอกให้ใช้น้ำมันเถอะนะ พอเสร็จจาก พาน้าวนดูเส้นทางเสร็จก็ไปเที่ยวตลาด 4 พัทยาแล้วไปส่งน้ากลับนาเกลือโดยใช้น้ำมันตลอด ขากลับแฟนไม่ห่วงชีวิตลูกเมียเลยกลับไปวิ่งแก๊สอีกก็เป็นเหมือนเดิมชลอดับ แต่ไม่มีแบคไฟร์ จะแก้อาการนี้ยังงัยดี :please: :please:

เหอะๆๆๆ....ท่อผมก้อขาดแบบพี่...

แต่คนที่ทำขาดคือแฟนผมอ่ะ :red:  แล้วผมก้อต่อมันด้วยการเอาขวดพลาสติกที่ใสน้ำยาล้างห้องน้ำ

มาสอดใส่เป็นใส้ต่อแทน...มันก้อยังเหยียบได้ 160 ให้จูนแก๊สใหม่ครับ...นอกนั้นไม่มีไรต้องเป็นห่วง :ปลิว:
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: Ton_Oo on 06 Dec 2010, 09:23


นู๋...ถูกใส่ร้าย อ่ะ

 :ตาย: :ตาย: :ตาย: :ตาย:
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 06 Dec 2010, 11:02
ของบุษขาดตรงปลายท่ออากาศไอ้ย่น ๆ วงรองสุดท้ายอ่ะ เลยเอาขวดน้ำขุ่นตัดหัวท้ายมาสวมแล้วล๊อกด้วยเข็มขัดพลาสติก ส่วนอีกด้านก็เอาเทปสายไฟพันกับกับท่ออากาศไอ้ย่นๆ ไว้ เดี๋ยววันหลังถ่ายรูปมาให้ดู
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: ZeaBiscuit on 06 Dec 2010, 18:15
ผมตามอ่านมานาน ขอพูดตรงๆนะครับ

ผมว่าพี "ซน" ครับ รวมถึงแฟนพี่ด้วย

ระบบรถยังไม่สมบูรณ์ ทำไมไปลองรถด้วยความเร็วสูงขนาดนั้นครับ

ที่ความเร็วขนาดนั้น ถ้าแบ๊คขึ้นมา สนุกสนานแน่นอนครับ ขนาดผมเคยแบ๊คตอนกำลังจะเลี้ยวเข้าบ้าน กรองอากาศยังกระจาย แล้วที่ความเร็วเป็นร้อน แก๊สที่พร้อมติดไฟค้างอยู่ในท่อไอดีตั้งเท่าไหร่ บึ้มขึ้นมา ผมไม่อยากคิดว่าอะไรจะพังบ้าง

จูนแก๊ส Fix Mix ถ้าช่างไม่มีเครื่องมือ ก็วัดใจกันไป เพราะถามว่าจะรู้ได้อย่างไรว่า "หนา" หรือ "บาง" (บางคนบอกดมเอา เยี่ยม !!)

ตัวกันแบ๊คผมแนะนำอย่างจริงใจว่า ถ้าไม่มีอยู่ ไม่ต้องดิ้นรนไปหามาติดครับ ผมติดไว้สองตัว แบ๊คตอนกำลังเลี้ยวเข้าบ้าน (ความเร็วไม่เกิน 20) กรองอากาศแตกกระจาย !!

เคยไปถามพี่ๆที่อู่แก๊ส เค้าก็บอกว่าไม่ช่วยอะไร แต่ลูกค้าอยากได้ เค้าก็ติดให้ เพราะเวลามันแบ๊ค ไอ้รูแค่สองเซ็นมันระบายอะไรไม่ทันหรอกครับ แต่ถ้าอยากติดเพื่อความสบายใจ อันนี้สุดแล้วแต่พี่ครับ

อีกเรื่องนะครับ ยางปี 06 ต่อให้ดอกยังเหลือ เนื้อยางก็ไม่น่าใช้การอะไรได้มากแล้วครับ ผมว่าเรื่องวิ่งเร็วๆแล้วสั่นเนี่ย ลองเปลี่ยนยางแล้วตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่ดูก่อน อาจไม่มีอะไรในกอไผ่

ว่าแต่ยางแบบนั้น พี่ยังกล้าวิ่ง 140 อีกเหรอครับ ?
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: ZeaBiscuit on 06 Dec 2010, 18:26
5 พ.ย. 53
พามิจังไปเที่ยวงานสหพัฒน์ อากาศร้อนค่ะรถก็เยอะมากบางช่วงก็ติด แอร์มิจังก็เลยไม่เย็นต้องเปิดกระจกเป็นพัก ๆ ความร้อนของมิจังขึ้นไปประมาณ 98 ค่ะ แต่สามีบ่ยั้นค่ะสามีบอกว่า "ก็เป็นงี้แหละเธอ 100 มันอุณหภูมิน้ำเดือดไม่ใช่เหรอ รถมันต้องใช้ระบบไอน้ำเดี๋ยวพอความร้อนถึงมันก็ลงเอง " ตัวบุษเองไม่รู้หรอกค่ะแต่เห็นขึ้น 98 ก็กังวลเพราะเห็นคุณบัติกับคุณนัทบอกที่เค้าเคยขับมาขึ้นไม่เกิน 95 แต่ก็จริงดังสามีบุษว่านะ พอมันขึ้นไปซักพักมันก็ค่อย ๆ ลงมาที่ 95 เอง บุษสังเกตดูแล้วว่ามิจังชอบความเร็วค่ะ เพราะถ้าขับมิจังไม่เกิน 100  หรือเริ่มออกตัว หรือช่วงรถติดรถเยอะต้องใช้ความเร็วต่ำมิจังชอบอุณหภูมิขึ้นค่ะ แต่ถ้าขับเร็วอุณหภูมิของมิจังจะประมาณ 92-95 นี่แหละค่ะ ยิ่งตอนกลางคืนหรืออากาศเย็นความร้อนยิ่งไม่ขึ้นเลยค่ะแอร์ของมิจัง ถึงได้หนาวมากค่ะตอนกลางคืน ไปและกลับสหพัฒน์อย่างปลอดภัยไม่มีปัญหาใด ๆ ค่ะ ขับดีรอบไม่ตกด้วยค่ะ :D :D

อันนี้ผมแก้นิดนึงครับ 100 องศาคือจุดเดือดของน้ำ ในแรงดันบรรยากาศ หรือ 1 ATM แต่ในระบบหม้อน้ำมันเป็นหม้อแรงดันครับ คือมัน Under Pressure ผมจำตัวเลขที่แน่นอนไม่ได้ว่ากี่ Bar ( 1 Bar = 14.7 psi , 1 psi เพิ่มจุดเดือดน้ำได้ 1.8 องศา) แต่จำได้เลาๆว่าจุดเดือดในระบบน้ำของรถพวกเรา อยู่ราวๆ 122 องศา ถ้าระบบไม่รั่วครับ

แต่จะว่าไปแล้ว 100 องศาผมก็มองว่ามันเยอะไปหน่อย มันไม่ควรเกิน 95 โดยปกติครับ (ยกเว้นหัวโตและวาล์วน้ำของโรงงานสเปกยุโรป ซึ่งไม่ค่อยเหมาะกับบ้านเรา)
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: aor on 06 Dec 2010, 19:02
- เพิ่งจะเห็นว่ายางปี 06 เนี่ยมันสิ้นปี 2010 แล้วนะครับ ยางมันแข็ง เอาเล็บกดก็รู้ นั่นแปลว่ามันหมดสภาพแล้วครับ เปลี่ยนด่วนเลยครับ
ถึงหน้าตามันจะดูดีอยู่ ต่อให้ดอกยังมีเต็ม ๆ แต่ 4 ปีเนี่ย ต้องโยนทิ้งสถานเดียว (ยางไม่ใช้ แต่มันเสื่อมตามเวลา) บางยี่ห้อ 2 ปีก็
กลับบ้านเก่าแล้ว
- แล้วยังอัดไปถึง 140 อีกหรือครับเนี่ย ประมาทชีวิตมาก ๆ ถ้าเป็นแฟนผมนะ ตบกระบาลคว่ำเลย ลูกเล็กก็นั่งอยู่ในรถด้วย
(ขออภัยที่แรง) แต่คุณคิดไหม เกิดยางมันระเบิดในความเร็วที่ 140 จะเกิดอะไรขึ้น ผมเชื่อว่าน้องหนูก็คงไม่ได้ให้นั่ง baby seat ด้วย
- ดูระบบเครื่องยนต์ทั่วไปให้สมบูรณ์ก่อนด้วยนะครับ คอร์ซ่าผมไม่ติดแก๊ส ความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์ก็ไม่เป็นรองใคร ยังไม่ขับเกิน
120 เลย รถผมกินน้ำมันเพรียว ๆ ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กหน่อย เป็นต้องเข้าอู่ ขนาดเงี่ยหูฟังแทบจะไม่ได้ยิน ก็รีบเอาเข้าไป overhaul แล้ว
- ไม่ใช่ว่าได้รถมาถูก แล้วจะไม่ต้องลงทุนอะไร แล้วคิดว่าจะอัดได้เหมือนรถป้ายแดง อันนี้ก็ไม่รุจะว่ายังไงแล้ว
- รถมันจะดี ขับไม่มีปัญหา มันขึ้นอยู่กับเรื่องเดียว คือการเอาใจใส่บำรุงรักษาของเจ้าของ บางคนได้คอร์ซ่า (เก่า) มาใหม่ ๆ บอกว่า
เอาไปวิ่งทดสอบ อัดซะ 140-150 พอเครื่องมีปัญหา ก็บอกว่ารถห่วย ผมว่าไอ้คนขับนั่นแหละห่วย ไม่รู้เรื่อง รถเก่าจะยี่ห้อไหนก็แล้วแต่
เมื่อได้มาต้องปรับปรุงสภาพให้พร้อมใช้งาน เปลี่ยนถ่ายของเหลว สายพานราวลิ้น ลูกรอก ตรวจเช็คระบบเกียร์ ยาง ผ้าเบรค ระบบกันสะเทือน ให้เรียบร้อยซะก่อน ก่อนที่จะเอาไปใช้งานในชีวิตประจำวัน

- เข็มวัดความร้อนขึ้นไปถึง 100 เนี่ย ระบบหล่อเย็นมีปัญหาแล้วหล่ะครับ ถ้าคิดว่ามันปกติ ก็คนนั่นแหละที่ผิดปกติ คอร์ซ่าผมก็เคยเป็น
ต้องรีบจอด และต้องรีบแก้ปัญหา แสดงว่าระบบการหมุนเวียนของน้ำหล่อเย็นมันติดขัด ก็ต้องไล่เช็คระบบ แก้ไขให้มันดี
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bushsaba on 06 Dec 2010, 20:17
บุษซื้อรถต่อมาจากชนัตถ์ ก็คิดว่าก่อนที่ชนัตถ์จะซื้อมาชนัตถ์เค้าก็คงดููมาดีพอสมควรแล้วอ่ะค่ะ บุษเชื่อว่าชนัตถ์ก็มีความชำนาญรถโอเปิ้ลมากพอสมควร เพราะชนัตถ์เล่าให้ฟังว่าเคยใช้มาหลายรุ่นแล้วทั้งคอร์ซ่า เวคบี แล้วก็แอสตร้า คันที่ขายให้บุษเนี่ยแหละค่ะ แล้วเหตุผลที่ขายก็คือจะเอาเงินไปซ่อมคอร์ซ่าที่ชนมาเพราะเป็นรถที่เค้ารักมาก ชนัตถ์บอกว่าเคยขับมิจังถึง 170 และตอนที่คุณบัติเอามิจังไปดูแล คุุณบัติบอกว่าเครื่องเพิ่งเปลี่ยนครัชมาก็เลยยังไม่ได้เปลี่ยนน้ำมันเกียร เปลี่ยนแต่น้ำมันเครื่อง กับกรอง แล้วก็สายพรานราวลิ้ง ลูกรอกราวลิ้ง โชค ยางรองเบ้าโชค ติดฟิล์มกรองแสงมาให้ แล้วอย่างอื่นก็ไม่เกี่ยวกับตัวเครื่องแล้วมั้งค่ะที่จำได้ ส่วนปั้มน้ำก็ยังไม่ได้เปลี่ยนค่ะเพราะคุณบัติบอกว่าตอนอยู่กับคุณบัติ มันร้อนไม่เกิน 95 ชนัตถ์ขับรถไปส่งบอกว่าขับไป 180 ความร้อนก็ ไม่เกิน 92 มั้งคะถ้าจำไม่ผิด  แฟนบุษเห็นเค้าขับกันไว ๆ ก็เลยลองมั่งมั้ง บุษเองก็กลัวนะนั่งไปด้วยน่ะ บอกก็ไม่ค่อยอยากจะฟัง :ตาย: (อยากให้คุณออมาช่วยจัดการเหมียนกัน ;D ) แต่อย่างที่บุษเคยบอกรถมันเก่าแล้วเราก็ต้องเข้าใจ ตอนมันอยู่กับชนัตถ์ กับคุณบัติอาการมันยังไม่ออก แต่พอมันมาอยู่กับเรามันก็คงถึงอายุขัยของมันอ่ะค่ะ ก็ซ่อมกันไป เรื่องยางบุษก็ว่าจะไปเปลี่ยนยางหน้าอยู่วันสองวันนี้แหละเพราะ ยางหลังมันปี 08 เปลี่ยนยางหน้าไปก่อนแล้วกัน ตอนนี้ใช้น้ำมันไม่มีปัญหา ส่วนแก๊สก็กำลังหัดจูนอยู่ ตามที่คุณนพเคยสอนแฟนบุษมา แล้วก็หาอ่านจากอินเทอร์เน็ตเพิ่มเติมด้วย ขอบคุณคุณออ กับคุณ ZeaBiscuit  (ใช่บอมรึเปล่าไม่แน่ใจ) ค่ะสำหรับความห่วงใยค่ะ  :) และทุกท่านที่ให้กำลังใจและคำแนะนำดี ๆ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: jeabjamiro on 06 Dec 2010, 20:39
 :o ต้องเข้าใจ นิดนึงนะครับ ว่ารถเก่า กะรถป้ายแดงมันไม่เหมือนกันครับ และ เรื่องผี สาง เทวดา มีจริงๆครับ กลัวช่างก็มีจริงๆ
เอาเป็นว่า ลองดูว่า รถมันนิสัย ยังไง และก็ลองคุยกะมันดูครับ ส่วนเรื่อง ว่าขับได้เท่าไหล่ มันหลายๆปัจจัยครับ เอาเป็นว่าเอาอยู่ที่เท่าไหร่
ขับเท่านั้นดีกว่า ครับ ปลอดภัย สบายชีวิตและ กระป๋าครับเหอะๆและอยากจะบอกว่าบนถนนไม่ได้มีเราคนเดียวครับ มีรถอีกบาน
บางทีเราอยู่เฉยๆ ก็โดนชนได้ ฉะนั้น อย่าประมาทครับ เหอะๆ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
***ประสพณ์การตรงครับ ปกติผมขับรถค่อนข้างประมาท ครับ เจอไป 1 ตุ้มหายบ้าเลยครับ เหอะๆ ผมชอบขับให้มันสุด คือเน้นสะใจ
ปัจจุบัน 120 ก็เร็วแล้ว เหอะๆ สนุกไม่เกิน 5 นาที เกือบตายไปใน 2 วิ เหอะๆ
 :bye:
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: aor on 06 Dec 2010, 21:17
- ต้องขอโทษด้วยครับ ผมอาจจะพูดแรงไปบ้าง แต่ก็ด้วยหวังดี ไม่อยากให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในนี้ต้องประสบอุบัติเหตุเพราะประมาท
ขับเร็วเกิน ยางหน้ามันทำงานหนักครับ เพราะรับน้ำหนักเครื่องยนต์ และขับหน้า ส่วนยางหลังที่ว่าปี 08 ก็ดูเลยนะครับว่ายี่ห้ออะไร
ถ้าเป็นยี่ห้อดีหน่อย อย่าง Michelin หรือ Bridgestone ก็อาจรอไปสักพักได้ แต่ยี่ห้อแปลก ๆ ไม่เคยได้ยินชื่อเนี่ย อาจเป็นยาง
ราคาถูกและคุณภาพถูก บางที 2 ปีก็อาจกลับบ้านเก่าแล้วก็ได้ ลองเอาเล็บกดดู ถ้ามันแข็งขนาดกดไม่เข้าไม่ลงแล้ว ก็เปลี่ยนไป
พร้อมกับยางหน้าเลยครับ (ถ้าไม่ติดขัดเรื่องงบประมาณ) อย่าลืมเช็คพวกผ้าเบรคด้วยนะครับ
- ถ้าเจ้าของเดิมเขาให้ใบเสร็จค่าใช้จ่าย บำรุงรักษาต่าง ๆ มาด้วยก็มั่นใจได้เลยครับ แต่ถ้าเขาไม่ได้ให้มา (ไม่ได้หมายความว่า เจ้าของ
เดิมเขาจะดูแลไม่ดี) เพื่อความสบายใจของตัวคุณเอง ผมว่านับ 1 ใหม่เลยดีกว่าครับ และต้องจดไว้ด้วย ทุกอย่างเลยที่ทำมา (เก็บใส่
แฟ้มเฉพาะไว้) ว่าทำที่ระยะกี่ กม. เมื่อใกล้ ๆ เวลา จะได้รู้ อย่างสายพานราวลิ้น ลูกรอก (+ปั๊มน้ำ) เปลี่ยนทุก 40,000 กม. หรือ 4 ปี
น้ำมันเกียร์ออโต้ทุก 10,000 กม. เป็นต้น
- รถแต่ละคัน เขามีบุคคลิกลักษณะเฉพาะของเขา ต้องค่อย ๆ ทำความรู้จักกันไป เราดูแลเขาดี เขาก็ดูแลเราดีนะครับ โอเปิ้ลหลายคัน
ถึงขนาดสละชีพแทนเจ้าของเลย มีมานักต่อนักแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นว่าเลย คนปลอดภัย แต่เห็นสภาพรถที่หมดหวัง
จะกู้ชีพได้ เห็นแล้วน้ำตามันจะไหลให้ได้
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: bat on 06 Dec 2010, 22:05
 :)  ไม่รู้จะตอบยังไง แต่ก็ยังยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่ารถคันนี้ดี ดีมากๆด้วย  :D (ไม่งั้นขนาดรถที่ว่าเสีย ยังขับจากบางแสนมาหาพี่เข้ได้หรอก ;D) คุณบุต ระวังเรื่องความเร็วนิดนึง และ หาหมอให้ถูกับโรคหน่อย เอาใจด้วยครับ และดีใจที่คุณบุต เข้าใจในเจตนาดีของพี่อ้อและบอม
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: ZeaBiscuit on 07 Dec 2010, 00:01
ตอนนี้ผมเดาเอาว่าแก๊สน่าจะ "หนา" นะครับ

ที่แบ๊คน่าจะมาจากระบบจุดระเบิดไม่สมบูรณ์ แนะนำเปลี่ยนสายหัวเทียน โดยพลันครับ

รถผม Fix Mix Lamda ใช้มาสามปี ไม่เคยเข้าไปจูนใหม่ซักครั้งเลยครับ (ผมติดที่พี่สิน)
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: หนานมา on 07 Dec 2010, 09:03
เอออ....เรื่องจูนแก๊ส....

ผมบอกให้จูนแต่ตัวกลางสายดูอัตราการตอบสนองต่อคันเร่งเท่านั้นนะครับ...

ค่อยๆเข้า ค่อยๆ ออก แต่ถ้าจะจูนใหม่ ให้ติด A/F มีเตอร์เพื่อดูลักษณะการเผาไหม้

มันจะได้ไม่แบ๊คฯ กระจายอะ...

แล้วก้อเวลาเร่งเครื่องขณะจูน ถ้าไม่มี A/F มิเตอร์ อย่าเร่งผ่อนๆ แบบทันทีทันใด

เพราะว่าถ้าส่วนผสมมันไม่สมบูรณ์ (บาง) รับรองแบ๊คกระจาย..

ซึ่งมันเกิดขึ้นแล้วกับกระผมอ่ะ...
 :-X
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: teeracha on 07 Dec 2010, 09:24
5 พ.ย. 53
พามิจังไปเที่ยวงานสหพัฒน์ อากาศร้อนค่ะรถก็เยอะมากบางช่วงก็ติด แอร์มิจังก็เลยไม่เย็นต้องเปิดกระจกเป็นพัก ๆ ความร้อนของมิจังขึ้นไปประมาณ 98 ค่ะ แต่สามีบ่ยั้นค่ะสามีบอกว่า "ก็เป็นงี้แหละเธอ 100 มันอุณหภูมิน้ำเดือดไม่ใช่เหรอ รถมันต้องใช้ระบบไอน้ำเดี๋ยวพอความร้อนถึงมันก็ลงเอง " ตัวบุษเองไม่รู้หรอกค่ะแต่เห็นขึ้น 98 ก็กังวลเพราะเห็นคุณบัติกับคุณนัทบอกที่เค้าเคยขับมาขึ้นไม่เกิน 95 แต่ก็จริงดังสามีบุษว่านะ พอมันขึ้นไปซักพักมันก็ค่อย ๆ ลงมาที่ 95 เอง บุษสังเกตดูแล้วว่ามิจังชอบความเร็วค่ะ เพราะถ้าขับมิจังไม่เกิน 100  หรือเริ่มออกตัว หรือช่วงรถติดรถเยอะต้องใช้ความเร็วต่ำมิจังชอบอุณหภูมิขึ้นค่ะ แต่ถ้าขับเร็วอุณหภูมิของมิจังจะประมาณ 92-95 นี่แหละค่ะ ยิ่งตอนกลางคืนหรืออากาศเย็นความร้อนยิ่งไม่ขึ้นเลยค่ะแอร์ของมิจัง ถึงได้หนาวมากค่ะตอนกลางคืน ไปและกลับสหพัฒน์อย่างปลอดภัยไม่มีปัญหาใด ๆ ค่ะ ขับดีรอบไม่ตกด้วยค่ะ :D :D

อันนี้ผมแก้นิดนึงครับ 100 องศาคือจุดเดือดของน้ำ ในแรงดันบรรยากาศ หรือ 1 ATM แต่ในระบบหม้อน้ำมันเป็นหม้อแรงดันครับ คือมัน Under Pressure ผมจำตัวเลขที่แน่นอนไม่ได้ว่ากี่ Bar ( 1 Bar = 14.7 psi , 1 psi เพิ่มจุดเดือดน้ำได้ 1.8 องศา) แต่จำได้เลาๆว่าจุดเดือดในระบบน้ำของรถพวกเรา อยู่ราวๆ 122 องศา ถ้าระบบไม่รั่วครับ

แต่จะว่าไปแล้ว 100 องศาผมก็มองว่ามันเยอะไปหน่อย มันไม่ควรเกิน 95 โดยปกติครับ (ยกเว้นหัวโตและวาล์วน้ำของโรงงานสเปกยุโรป ซึ่งไม่ค่อยเหมาะกับบ้านเรา)

ที่ความดันบรรยากาศ 101.3kPa น้ำเดือดที่ 100 องศา ถ้าความดันสูงกว่าบรรยากาศ จุดเดือดจะสูงขึ้นนะครับ แต่ถ้าความดันต่ำกว่ายรรยากาศ จุดเดือดจะต่ำลง ที่นี้ under pressure คืออะไรครับ ถ้านำ้้้ำเดือดที่ 122 องศา ความดันจะต้องประมาณ 230 kPa ตรงนี้ชี้แจงให้เข้าใจจ้า อย่างซีเรียส
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: teeracha on 07 Dec 2010, 09:37
บุษซื้อรถต่อมาจากชนัตถ์ ก็คิดว่าก่อนที่ชนัตถ์จะซื้อมาชนัตถ์เค้าก็คงดููมาดีพอสมควรแล้วอ่ะค่ะ บุษเชื่อว่าชนัตถ์ก็มีความชำนาญรถโอเปิ้ลมากพอสมควร เพราะชนัตถ์เล่าให้ฟังว่าเคยใช้มาหลายรุ่นแล้วทั้งคอร์ซ่า เวคบี แล้วก็แอสตร้า คันที่ขายให้บุษเนี่ยแหละค่ะ แล้วเหตุผลที่ขายก็คือจะเอาเงินไปซ่อมคอร์ซ่าที่ชนมาเพราะเป็นรถที่เค้ารักมาก ชนัตถ์บอกว่าเคยขับมิจังถึง 170 และตอนที่คุณบัติเอามิจังไปดูแล คุุณบัติบอกว่าเครื่องเพิ่งเปลี่ยนครัชมาก็เลยยังไม่ได้เปลี่ยนน้ำมันเกียร เปลี่ยนแต่น้ำมันเครื่อง กับกรอง แล้วก็สายพรานราวลิ้ง ลูกรอกราวลิ้ง โชค ยางรองเบ้าโชค ติดฟิล์มกรองแสงมาให้ แล้วอย่างอื่นก็ไม่เกี่ยวกับตัวเครื่องแล้วมั้งค่ะที่จำได้ ส่วนปั้มน้ำก็ยังไม่ได้เปลี่ยนค่ะเพราะคุณบัติบอกว่าตอนอยู่กับคุณบัติ มันร้อนไม่เกิน 95 ชนัตถ์ขับรถไปส่งบอกว่าขับไป 180 ความร้อนก็ ไม่เกิน 92 มั้งคะถ้าจำไม่ผิด  แฟนบุษเห็นเค้าขับกันไว ๆ ก็เลยลองมั่งมั้ง บุษเองก็กลัวนะนั่งไปด้วยน่ะ บอกก็ไม่ค่อยอยากจะฟัง :ตาย: (อยากให้คุณออมาช่วยจัดการเหมียนกัน ;D ) แต่อย่างที่บุษเคยบอกรถมันเก่าแล้วเราก็ต้องเข้าใจ ตอนมันอยู่กับชนัตถ์ กับคุณบัติอาการมันยังไม่ออก แต่พอมันมาอยู่กับเรามันก็คงถึงอายุขัยของมันอ่ะค่ะ ก็ซ่อมกันไป เรื่องยางบุษก็ว่าจะไปเปลี่ยนยางหน้าอยู่วันสองวันนี้แหละเพราะ ยางหลังมันปี 08 เปลี่ยนยางหน้าไปก่อนแล้วกัน ตอนนี้ใช้น้ำมันไม่มีปัญหา ส่วนแก๊สก็กำลังหัดจูนอยู่ ตามที่คุณนพเคยสอนแฟนบุษมา แล้วก็หาอ่านจากอินเทอร์เน็ตเพิ่มเติมด้วย ขอบคุณคุณออ กับคุณ ZeaBiscuit  (ใช่บอมรึเปล่าไม่แน่ใจ) ค่ะสำหรับความห่วงใยค่ะ  :) และทุกท่านที่ให้กำลังใจและคำแนะนำดี ๆ
คงได้อ่านกระทู้ผมแล้วอย่างละเอียด ไม่ต้องบอกหรือ link แล้วมั้งครับสำหรับกระทู้นั้น
อาการที่เสียและควรทำมันไม่เท่าไหร่เลยครับ ถ้าให้ผมแนะนำ
1. งดใช้แก๊ส ใช้แต่น้ำมัน ซักระยะนะครับแล้วลองดูว่ามีอาการอะไรเกิดขึ้นอีกบ้างไหม ถ้ามีซ่อมให้จบกับน้ำมันก่อน เรื่องความร้อนรีบแก้ครับ เรื่องยางรีบเปลี่ยนเอา 4 เส้นเลยนะ
2. เมื่อข้อที่ 1 มันเข้าที่แล้ว ปัญหาจะเหลือแต่ระบบแก๊สครับ ค่อยมาว่ากันต่อมันไม่ยากแล้ว
รถ opel มันเลือกเจ้าของครับ อดทนเอาใจมันหน่อย อย่าใช้มันโหดนัก เดี๋ยวมันก็ยอมอยู่กับเรา ตอนนี้เค้าคงยังคิดถึงชนัตถ์อยู่นะครับ
Title: Re: บันทึกของมิจัง
Post by: kamolwat_t on 07 Dec 2010, 09:48
เรื่อง น้ำเดือด....

คนมักจะเ้ข้าใจว่า เดือดที่ 100 องศาC

จริงๆ สักประมาณ60-70 น้ำมันก็เริ่มทำท่าจะเดือด ปุดๆ แล้วครับ ไม่ต้องรอถึง 100 ฮะ... ทางที่ดี เผื่อเอาไว้ อย่าให้มันเกิน 95 ครับ... อาจจะยังไม่ต้อง 100 เพราะว่า ท่อทางเก่าๆ จากเยอร์มัน(ถาไม่ได้เปลี่ยน) อาจจะลตายไปก่อนแล้วครับ...  :dead: