OPEL in : The Happiest Opel Family in Thailand
Opel in Talks => General Discussion => Topic started by: teeracha on 02 Dec 2010, 09:12
-
เหตุที่เลือกซื้อ
เมื่อประมาณสัก 2 ปี กว่าๆ ที่ผ่านมามีความคิดอยากจะได้รถแวนขนาดเล็กใช้ซัก 1 คัน ร่วมกับ jeep ที่ใช้อยู่เป็นรถคู่กายที่รักมากๆ เนื่องจากรถ jeep มันกินเชื้อเพลิงมากเมื่อวิ่งในเมือง คือจะเอามาใช้วิ่งในเมืองแทนมัน ประกอบกับเป็นคนที่ชอบรถฝรั่งช่วงปี 1994 ถึง 1998 เพราะว่าผมคิดว่าช่วงปีนี้รถเกือบทุกยี่ห้อผลิตออกมาด้วยคุณภาพค่อนข้างดี ในทัศนะของวิศวกรเครื่องกล ที่ชอบรถยนต์เป็นชีวิตจิตใจอย่างผม ตอนนั้นมีให้ตัดสินใจอยู่หลายยี่ห้อเหมือนกันแต่ที่พิจารณาจริงๆ คือ Volvo v40 , Volvo 850 แวน, และ opel astra van เหล่านี้ถ้าพี่ๆ น้องๆ เคยหาข้อมูลของ Volvo ด้วยจะทราบว่าทั้งสองรุ่นที่กล่าวมาก็อยู่ในข่าย จากนั้นพิจารณาเรื่องราคาก็ต้องตัด Volvo v40 ออกไปเนื่องจากราคาสูงกว่ามาก ประกอบกับเป็นรุ่นที่เริ่มผลิตในปีประมาณ 1998 ซึ่งก็ไม่ใช่เงื่อนไขเริ่มต้น ส่วน Volvo 850 แวน ตัดออกไปเพราะไม่ชอบวัสดุภายในที่มักกรอบแตกคุณภาพทนแดดบ้านเราไม่ค่อยได้ แม้ว่าราคาจะสูงกว่า astra van เล็กน้อยก็ตาม เมื่อทราบดังนั้นแล้วจึงเริ่มหา astra van อย่างจริงๆ จังๆ
-
หารถ
เริ่มเข้ามาในเวป opel in และ opellove โทรคุยกับพี่สนเป็นคนแรก พยายามหาด้วยตนเองจนมาได้รถคันที่ใช้อยู่ในปัจจุบันในราคา 1 แสนต้นๆ ราคาโอเปิลก็ประมาณนี้แหละ สำหรับ van 16V สภาพพอใช้ได้ในตอนนั้น เป็นรถที่ซ่อมบำรุงอยู่กับอู่ opel โดยเฉพาะที่เราๆ รู้จักนั่นแหละ (แต่ตรงนี้ในภายหลังพบว่าไม่สำคัญในประเด็นของกระทู้นี้หรอก) ค่อนข้างมั่นใจรถคันนี้มากๆ เพราะว่ามันซ่อมกับช่างเฉพาะทาง และได้ทำการ overhaul เครื่องและเกียร์มาแล้วไม่นาน ประกอบกับเจ้าของเก่าก็เป็นสมาชิกในเวป opellove ด้วยครับ ทั้งๆที่ก็รู้ว่ามันยังไม่สมบูรณ์ ผมก็เอา ซื้อรถราคาแพงกว่าออกมอเตอร์ไซด์ ไม่กี่หมื่นเองใช่ไหม ผมว่าตรงเรื่องราคานี่แหละมันนำพาใช้หลายๆ คนมารู้จักกับรถ opel และเวปนี้ เหมือนผม
-
หลังจากซื้อมา
หลังจากได้มันมามันเสียได้ทุกสัปดาห์ ผมก็เพียรซ่อม ทำให้ความถี่ในการเสียของมันเริ่มห่างขึ้นกลายเป็น 2 สัปดาห์เสียที จากนั้นก็เดือนนึงเสียที และ 3 เดือนเสียที มันเสียได้ทุกอย่างรอบคันยกเว้นเครื่องกับเกียร์ (ขอบคุณเจ้าของเก่าครับ เขาเพิ่งทำมา) ผมว่าตอนนั้นเหมือนกับสมาชิกที่เข้ามาสู่วงการ opel ใหม่ๆ เพราะเหตุผลของราคาข้างต้น ผมเพียรซ่อมมาจนเกือบปีจึงได้สมบูรณ์ อย่าให้บอกว่าเป็นอะไรบ้างเพราะผมว่าผมน่าจะซื้อเชียงกงยกหัว มาพร้อมรถคันนี้ตอนซื้อมันมาในตอนแรกเลยจะคุ้มกว่า ค่าซ่อมปรับสภาพทั้งหมด รวมค่าติดตั้งแก็สหัวฉีดด้วยน่าจะราวๆ 1 แสนต้นๆ (ผมบอกก่อนว่าผมเป็นคนซ่อมรถถึง และใช้รถสังเกตุอาการละเอียดนะครับ ที่ว่าแสนต้นๆ อะไหล่บางชิ้นผมใช้ของแท้ศูนย์นะครับ) รวมราคาตัวรถแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 2 แสนต้นๆ ครับ ผมว่าหลายคนก็คงราวๆ เดียวกับผม ใช่ไหมครับ (ผมเคยเจอคุณ aor แจ้งไว้ในบางกระทู้ก็ทำในราคานี้เหมือนกัน ส่วนสมาชิกอีกหลายท่านที่คุยกับผมทางโทรศัพท์ก็ประมาณนี้แหละค่าซ่อม) ผมบอกอย่างตรงไปตรงมา เพราะไม่อยากให้ใครเข้ามาใช้ opel เพราะราคามือสองมันแพงกว่ามอเตอร์ไซด์นิดเดียว ผมมันโชคดีครับที่พอมีสตางค์อยู่บ้าง แต่คิดต้นทุนทั้งหมดในภาพรวมผมยังถือว่ามันไม่แพงครับเพราะ opel ผมราคารวมค่าซ่อมจนสมบูรณ์ 2 แสนนิดๆ ยังหารถยี่ปุ่นสภาพดีๆ ในราคานี้ไม่ได้เลยครับ นั่นคือเรื่องราคาโดยรวมแล้วผมไม่ผิดหวังซักนิดเดียว มันยังถูกจริงๆ
แจกแจงประมาณว่า ค่าซ่อม เครื่อง ช่วงล่าง แอร์ และอะไหล่ 4 – 6 หมื่น ค่าติดแก็สหัวฉีด ค่าหุ้มเบาะหนัง ค่าเครื่องเสียง ค่าเก็บสี ค่าเปลี่ยนยางใหม่ 4 เส้น รวมแล้วน่าจะประมาณ 6 – 7 หมื่น
-
ทำไมเสียเยอะอย่างนั้น
เกิดจาก 3 ประเด็นครับ ที่ผมต้องซ่อมแก้เจ้ารถคันนี้ต่อจากเจ้าของเก่า
1 เสียตามอายุการใช้งาน ก็มันเก่าแล้วอย่างที่เราพูดกันบ่อยๆ ครับ
2 เสียเพราะความไม่รู้จักรถ opel ของช่าง อาจรวมถึงช่างในอู่เฉพาะ opel บางคนด้วยครับ ใครมันจะไปรู้ซะทุกอย่างจริงไหม
3 เสียเพราะความมักง่ายของช่าง อาจรวมถึงช่างในอู่เฉพาะ opel บางคนด้วยครับ
-
ปัจจุบันขับแต่โอเปิลจริงๆ
ขับมัน ขับสนุก ไม่กินเชื้อเพลิง ไม่เสียกวนใจ ใช้ทุกวัน รถ jeep กลายเป็นรถสำรองของบ้านที่เอาไว้ใช้เดินทางไกลแบบครอบครัว ถ้าผมไปคนเดียวก็ยังจะเอา opel ไปครับ เพราะที่ความเร็วสูง opel มันเกาะกว่า ส่วนรถ jeep ขับสบายกว่าที่ความเร็วไม่เกิน 120 km/hr
-
ขอบคุณ อย่างสูง
แก้ไขปัญหาโอเปิล
ช่างกรและช่างนาจ กาแฟอาม่า โคราช
ระบบแก็สหัวฉีด
ช่างหน่อง การเคหะ โคราช นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาเบื้องต้นให้ด้วยครับ
ระบบแอร์
ลุงประเสริฐ ร้านประเสริฐแอร์ 1 ชุมชนสวนพริกไท โคราช
อะไหล่มือสอง
สินออโต้
ช่างเข้
น้าโหน่ง
คุณ Kenny
อะไหล่มือ 1
ศูนย์ วิภาวดี กทม
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูล
-
:D :D :D :D
เกาให้ถูกที่คันแล้วจะใช้มันแบบอาจารย์หน่า :D :D
-
ว้าว..............คุยกับผมคนแรกเลยเหรอ :)
ผมแนะนำอะไรจรเข้ไปมั่งหว่า :-X
-
ผมว่าร้อยละ 7-80 ที่ซื้อโอเปิลมือสอง ก็เพราะราคานี่แหล่ะ
แต่อย่างว่า อายุรถ+การดูแลจากเจ้าของเดิม ทำให้มันห่างจากคำว่าสมบูรณ์ไปมากพอสมควร
ปัญหาต่อมาก็คือ ความสามารถในการดูแล ทั้งทางด้านการเงิน และความรู้เชิงช่างของเจ้าของใหม่ มีแค่ไหน
ผมชอบบ้านหลังนี้อยู่อย่างนึง คือการช่วยเหลือกัน ทั้งทางด้านอะไหล่, งานช่าง และการเป็นธุระดูแลกันและกัน :D
-
ตั้งแต่ได้รถมายังไม่เคยซ่อมใหญ่เลยครับ
เคยเข้าอู่แค่ 2-3 ครั้งเองครับ สาเหตุเพราะระบบไฟ มันไม่ได้เสียอะไรหรอกครับ สายไฟมันขาด +กับสายเวคคั่มขาด
แค่นั่นจริงๆ
บอกตรงๆ เจ้าของรถเดิมดูแลรถดีมากๆครับ ;)ซื้อมาคุ้มมากครับ
ขอบคุณพี่ต้น และ พี่บอมส์ พี่จ๊ด คุณเจี๊ยบ พี่กิ๊ฟ(ซี่) น้าเขม น้า ป.กฤษ และหลายๆคนที่ไม่ได้เอ่ยชื่อครับ ที่เคยดูแลให้ในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเลือกรถ แนะนำอู่ ดูแลรถให้ ขนาดหลงทางใน กทม. ผมยังโทรไปหาคนเชียงใหม่ให้ช่วยบอกทางเลย 5555^^
และพอได้เจ้าซ่าปุ๊บก็ได้งานใหม่เลย แถมได้เงินเดือนเพิ่มอีก 1 เท่า + กัลยานิมิตรอีกเพียบ..............
แถม รถคันนี้ ยังทำให้ผมดูโตเป็นผู้ใหญ่อีกด้วยครับ
ตอนนี้ว่าจะมีโครงการไปติดแก๊ส.......แต่คงไม่คุ้มเพราะผมขับแค่วันละไม่เกิน 4 กก. เอง
แถมไม่ค่อยได้ไปไหนอีก นานๆถึงไปครั้งนึงครับ เพราะไม่มีเวลา
ขอบคุณอีกครั้ง.......... ขอบคุณจริงๆ
-
เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ ศ.อาจารย์หน่า พักผ่อนมากๆนะครับเป็นห่วงสุขภาพรุ่นพี่ครับอย่าเครียดครับ
-
มีตำนานด้วยแฮะ . . . . บ้านผมเป็นระบอบ ถ่ายเทอำนาจจากรุ่นสู่รุ่นครับ 5 5 5
ยกเว้นคอซ่าเนี่ย แอบไปซื้อเอง
-
เหตุที่เลือกซื้อ
เมื่อประมาณสัก 2 ปี กว่าๆ ที่ผ่านมามีความคิดอยากจะได้รถแวนขนาดเล็กใช้ซัก 1 คัน ร่วมกับ jeep ที่ใช้อยู่เป็นรถคู่กายที่รักมากๆ เนื่องจากรถ jeep มันกินเชื้อเพลิงมากเมื่อวิ่งในเมือง คือจะเอามาใช้วิ่งในเมืองแทนมัน ประกอบกับเป็นคนที่ชอบรถฝรั่งช่วงปี 1994 ถึง 1998 เพราะว่าผมคิดว่าช่วงปีนี้รถเกือบทุกยี่ห้อผลิตออกมาด้วยคุณภาพค่อนข้างดี ในทัศนะของวิศวกรเครื่องกล ที่ชอบรถยนต์เป็นชีวิตจิตใจอย่างผม ตอนนั้นมีให้ตัดสินใจอยู่หลายยี่ห้อเหมือนกันแต่ที่พิจารณาจริงๆ คือ Volvo v40 , Volvo 850 แวน, และ opel astra van เหล่านี้ถ้าพี่ๆ น้องๆ เคยหาข้อมูลของ Volvo ด้วยจะทราบว่าทั้งสองรุ่นที่กล่าวมาก็อยู่ในข่าย จากนั้นพิจารณาเรื่องราคาก็ต้องตัด Volvo v40 ออกไปเนื่องจากราคาสูงกว่ามาก ประกอบกับเป็นรุ่นที่เริ่มผลิตในปีประมาณ 1998 ซึ่งก็ไม่ใช่เงื่อนไขเริ่มต้น ส่วน Volvo 850 แวน ตัดออกไปเพราะไม่ชอบวัสดุภายในที่มักกรอบแตกคุณภาพทนแดดบ้านเราไม่ค่อยได้ แม้ว่าราคาจะสูงกว่า astra van เล็กน้อยก็ตาม เมื่อทราบดังนั้นแล้วจึงเริ่มหา astra van อย่างจริงๆ จังๆ
ขอแชร์ประสบการณ์ผมบ้างนะครับ(ชาวดงตาลสาขาเดียวกันอ่ะ)
รถที่ผมใช้อยู่มือเดียวได้รับมาจากคุณพ่อผมอีกที ค่าซ่อมแซมต่างๆในบันทึกก็ประมาณที่พี่ว่าเลยครับ
จริงๆแล้วที่บ้านผมมีเพียงคุณพ่อผมคนเดียวที่ชอบรถยุโรปนะปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กเลยว่ารถยุโรปแข็งแรงปลอดภัยกว่ารถญี่ปุ่น
ตอนแรกที่คุณพ่อผมคิดจะซื้อ Opel astra เวลาใครถามก็ให้เหตุผลว่ามันแข็งแรงปลอดภัยกว่า
พอคุยกับใครก็ไม่มีใครเห็นด้วยแถมยังพูดอีก
"ทำไมไม่ใช้ toyotaถ้ารถมันไม่ดี มันบอบบาง ป่านนี้คนที่ใช้มันก็ตายกันหมดแล้วซิ ทำไมคนเค้ายังนิยมใช้กันหล่ะ TT :( "
จนกระทั่งถึงวันที่ผมรับช่วงใช้ต่อ เรื่องอัตราเร่งต่าง ดูจะอืดๆ แต่ Feeling นี่รู้สึกถึงความมั่นคงปลอดภัยมาก
ในความคิดผมนะครับ ถ้าไม่นับรถยุโรปด้วยกันแล้ว "ผมว่ายังหารถญี่ปุ่น segment เดียวกันมาเทียบไม่ได้เลยครับ" :D
-
เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ ศ.อาจารย์หน่า พักผ่อนมากๆนะครับเป็นห่วงสุขภาพรุ่นพี่ครับอย่าเครียดครับ
ไม่ได้เครียดครับพี่หมอ เอามาเล่าให้ฟังจริงๆ จังๆ เพื่อเป็นกำลังใจกับคนที่กำลังซ่อมกับมันอยู่ไม่จบซักทีครับ
ผมเห็นหลายคนเป็นปัญหาเรื่องรถอะครับ แล้วไม่จบซักที สุดท้ายก็หายไป เลยอยากเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ยังสู้อยู่
ซ่อมจบและสภาพดีของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันนะครับ ซ่อมจบของผมคือเหมือนกลับไปที่ปี 1996 ใหม่นั่นแหละ
พี่หมอเองก็อย่าเครียดกับกระทู้นี้นะครับ เพราะว่าห้ามออกทะเล 8) 8)
-
คุณ bassoat โชคดีจัง ได้ทั้ง "รถ" และ "เพื่อน" ดี ๆ หึ ๆ
กระทู้ของ อ.หน่า นี้เป็นแรงบันดาลใจเลยครับ กำลังย้อนกลับไปดูประวัติการซ่อมแซมคอร์ซ่าของตัวเอง เดี๋ยวตั้งกระทู้บ้าง
-
ของผมถ้าจะร่ายก็คงยาวอ่ะครับตั้งแต่ได้รับมรดกเลือดจากท่านพ่อมาก่อนท่านเสียไม่นานก็เริ่มกันกินเนื้อเยื่อของผมไปเรื่อยๆบางครั้งเข้ายันกระดูกอาทิเช่น ได้รถมา 3อาทิตย์เสียมันแทบทุกวันจนไม่กล้าขับไปไหนแต่ละเคสหนักๆเช่น ไดสตาร์ททุ่นแตกบ้างละ ไทมิ่งขาดบ้างละ โอ้ย....เกินสาธยาย 2หน้ากระดาษก็ไม่จบ ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าถ้าไม่ใช่เป็นเพราะท่านพ่อฝากไว้ก่อนเสียแล้วท่านรักคันนี้มากป่านนี้..xึง อยู่เต๊นท์ไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ขอโทษทีครับไม่อยากจะคุยขับทุกวันจนเบื่อจะพาเค้าเที่ยวในไทยแล้วขึ้นเขาลงห้วยตลอดคิดว่าเค้าคงจะเบื่อแล้วละ ตอนนี้กำลังวางแผนจะพาเค้าออกนอกประเทศเปลี่ยนบรรยากาศซักหน่อยซักกะหน่อย ;D ;D ;D อย่างงี้เค้าเรียกว่าซ่อมถึงไม๊ครับ ท่านศิษย์พี่ ศ.อาจารย์หน่า
-
เท่าที่ ศ.จารย์หน่า ผมเห็นด้วยเกือบทุกข้อ
ผมเคยใช้ขับรถมาหลายยี่ห้อ (ไมใช้ของผมเหรอก) สดท้ายก็มาชอบรถเล็ก เจ้า corsa ขับดี ผมว่าราคาอะใหล่ก็พอได้นะ
ถ้าจะเอาความเป็นทำไม่ถึงมาหยุดหัวใจที่ opel มันก็ยาว ตั้งแต่ก่อนจะรู้จัก และกว่าจะได้มา ก็ได้จากพี่ๆ ในนี้แหละ ขอบคุณมาก
-
เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ ศ.อาจารย์หน่า พักผ่อนมากๆนะครับเป็นห่วงสุขภาพรุ่นพี่ครับอย่าเครียดครับ
ไม่ได้เครียดครับพี่หมอ เอามาเล่าให้ฟังจริงๆ จังๆ เพื่อเป็นกำลังใจกับคนที่กำลังซ่อมกับมันอยู่ไม่จบซักทีครับ
ผมเห็นหลายคนเป็นปัญหาเรื่องรถอะครับ แล้วไม่จบซักที สุดท้ายก็หายไป เลยอยากเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ยังสู้อยู่
ซ่อมจบและสภาพดีของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันนะครับ ซ่อมจบของผมคือเหมือนกลับไปที่ปี 1996 ใหม่นั่นแหละ
พี่หมอเองก็อย่าเครียดกับกระทู้นี้นะครับ เพราะว่าห้ามออกทะเล 8) 8)
อึดอัด(ว้อย) ครับ..ขอนิดนึง จะบอกว่าอ่านแล้วนะ :-[
เป็นกระทู้ที่...น้าหนวดอึดอัดที่สุด :หึหึ:
-
:D เยี่ยมเลยครับ
ขอรับกำลังใจซ่อมรถตัวเองต่อไปครับ
-
แว๊บแรกที่เห็นกระทู้นี้ก็นึกในใจว่า อาจารย์คงเครียด แต่พอได้อ่านข้อมูลดู ก็เข้าใจเจตนาเลย :D :D ใช้รถต้องเข้าใจรถและดูแลรถ ให้เป็น :)
-
แบบว่ายิ่งเจ้าของสูงวัยเรื่องมันยิ่งยาว....................
ป่ะครับ :omg:
-
แบบว่ายิ่งเจ้าของสูงวัยเรื่องมันยิ่งยาว....................
ป่ะครับ :omg:
ดีนะ ที่กระทู้ผม มันแค่หน้าเดียวจบ อิ อิ
http://www.opel.in.th/index.php/topic,7205.msg128850/topicseen.html#msg128850
คงยังไม่ออกทะเล ใช่ไหมครับอ.หน่า
-
:ตาปิ้ง: ผมได้มาแบบ ระบบมรดกครับ คือ รุ่นสู่รุ่นเหอะๆ รถของแม่นั่นเอง เหอะๆ
-
ขออนุญาตแชร์บ้างนะครับ อาจยาวไปนิด
ผมเพิ่งใช้มาเกือบๆ ที่จริงคันนี้เป็นรถของแฟน แต่ซื้อมาแล้วเป็นรถที่ถูกใช้มากที่สุดในบ้าน ปี Astra van 8v. ซื้อต่อมาแสนต้นๆ ติดแก๊สมาแล้ว เจ้าของเดิมเป็นช่าง (ก็ช่างโอ ขอนแก่นออโต้คาร์ นั่นแหละครับ) แต่ปกติคันนี้แฟนกับแม่ยายเค้าขับ
ตอนก่อนที่จะซื้อคันนี้ แฟนผมมอง mazda รุ่นนึงไว้ เพราะอยากได้ช่วงล่างดีๆ หนึบๆ แต่ยังหาคันที่ถูกใจไม่ได้ พอดีช่วงนั้นผมก็ทำรถกับช่างโออยู่อีก 2 คัน ก็คุยกันเล่นๆ ว่าถ้าหาคันที่ถูกใจไม่ได้แกจะขาย Astra คัน 4 ประตู (ซึ่งผมเคยขับแล้วก็ชอบ) ให้แทนเอามั้ย ผมตอบช่างไปว่า ถ้ายอมขาย ผมขอซื้อคัน van ดีกว่า แกก็อึ้งไปหน่อยนึง ต้องถามแฟนกับแม่ยายก่อน
นิดนึงครับ, คือที่บ้าน ทั้งผม แฟน และแม่ผม ชอบรถแวนเหมือนกันครับ (ที่บ้านก็มี ke26 van 3 ประตู อยู่คันหนึ่ง จดทะเบียนปี 1974 ยังใช้งานได้ปกติ ทางไกลสบาย) เห็นรถแวนที่ไหนก็ชอบมองกัน มันให้ความรู้สึกอบอุ่นและคล่องตัวไปพร้อมกัน บอกไม่ถูก
กลับเข้าเรื่อง ไม่กี่วันถัดมา ช่างก็บอกข่าวดีว่าตกลง ผมก็บอกแฟนว่าไม่ต้องหา mazda ไปเอาคันนี้ เพราะผมเองก็ขับ BMW e30 อยู่ ชอบช่วงล่างรถยุโรป และรู้สึกว่าปลอดภัย
ก่อนรับรถผมก็ให้ช่างโอเช็คใหม่ทั้งคัน อะไรควรเปลี่ยนควรซ่อมให้จัดการไปเลยไม่ต้องเกรงใจ ให้ออกมาแน่นเนี้ยบที่สุด พวกของเหลวเปลี่ยนหมด รวมรายการแล้วถ้าจำไม่ผิดหมดไปไม่ถึงหมื่น ตีกล่องปิดถังแก๊ส (โดยร้านเพื่อนช่างโอ) อีก 5 พัน โอนเสร็จก็เอาเปลี่ยนแมก+ยาง เป็นขอบ 15 อันหลังนี่น่าจะราว 2 หมื่นนิดๆ (ช่วงนั้นทำพร้อมกันหลายคัน จำไม่ได้ แต่ทุกรายการมีบิลเก็บไว้ในแฟ้ม)
คันนี้วิ่งทางไกลขอนแก่น-เชียงใหม่ประจำ และปีนี้ก็กลายเป็นรถที่ใช้มากที่สุดในบ้าน เคยสตาร์ทไม่ติดอยู่หนนึงที่เชียงใหม่ ได้โทรฯรบกวนคุณต้น และได้รู้จักช่างเชษฐ ขอบคุณมากๆ อีกครั้งครับ (สรุปว่าคอยล์จุดระเบิดเสีย เปลี่ยนไป 7-8 พันมั้งครับ ลืมอีกแล้ว แต่ราวๆ นี้) นอกนั้นก็ซ่อมบำรุงตามปกติ เปลี่ยนโน่นนี่ตามอายุ ไม่เคยซ่อมใหญ่
ล่าสุดคือใช้แก๊สแล้วดับ เช็คแล้วหม้อต้มเสีย ผมเลยถือเป็นโอกาสอันดีที่จะเปลี่ยนเป็นหัวฉีด ไปให้ช่างโอยกลงเมื่อวานนี้เองครับ ตอนนี้เอาไปจอดอู่สีให้ทำสีพื้นด้านหลัง (น้ำเข้า สนิมกิน)
อาจจะถือว่าผมและครอบครัวโชคดีก็ได้ ที่รถคันนี้ไม่ค่อยมีปัญหา แต่ก็จะพยายามดูแลมันให้ดีที่สุด รวมทั้งคันอื่นๆ ในบ้านด้วย (เดี๋ยวจะน้อยใจ)
ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนในนี้ที่ช่วยให้ข้อมูลและคำแนะนำทั้งก่อนและหลังซื้อมา่ใช้ โดยเฉพาะคุณต้น คุณเม้ง ไว้จะหาโอกาสเลี้ยงข้าวสักวัน
ปล. ผมไม่ได้เข้ามาหลายเดือนเพราะงานยุ่ง ยังอบอุ่นมากเหมือนเดิมเลยครับ
-
ของผมนี่เริ่มจากในวัยเรียน เจ้า Calibra มันเป็นรถในฝัน จนพอจะมีกำลังเป็นเจ้าของก็เอามาไว้ในครอบครอง พอแต่งงานก็เห็นว่าควรมีแวนซักคันพอดีเจอ Astra F Caravan สีดำ ที่เค้าว่าเป็นตำนานดาวหางสีดำ ก็ถูกใจเลยได้เป็นเจ้าของอีกคันด้วยสัญญาที่ว่าเจ้าบร้าจะหายไป ก็ยื้อมาเรื่อยๆ แล้วก็เห็นบรรดาพี่ๆใน opellove เค้าว่ากันว่า Omega B Caravan ก็เป็นรถที่หายากนักหนามีโอกาสได้ไปดูแล้วถูกใจก็เลยได้มาอีกคันโดยที่ศรีภรรยาไม่ทันตั้งตัวกับคำสัญญาเดิมว่าเจ้าบร้าจะต้องขาย จนแล้วจนรอดก็ขายไม่ได้ ก็ประทับใจกับโอเปิ้ลที่ครอบครองทุกคันไม่เคยต้องทำให้ขายหน้า ขับสนุกกับค่าดูแลที่สมเหตุสมผล
ด้วย Concept ง่ายๆว่า "เรารักรถดูแลรถ รถก็จะดูแลเรา"
-
:) ฮืมมม์ ส่วนของผม ....จะย่างเข้าปีที่สิบละที่ใช้แต่โอเปิล .... :shock: จำไม่ได้แหละ ว่าความรู้สึกแรกที่ใช้เป็นอย่างไร :ตาปิ้ง: :ตาปิ้ง: รู้แต่ว่า ....มีคันเดียวไม่พอ :( ไม่รู้ว่า เสพโอเปิลแล้วมัีนจะติดไปอีกนานแค่ไหน :-* แต่ก็ยินดีจะใช้ต่อไป ....แต่ป่านฉะนี้ รถ 15 ปีแหละ ...สนิมสักจุด ก็ยังหาไม่เจอ :น้ำร้อน: ....ถ้าจะให้คลุกอยู่กะรถ ก็หาเรื่องอยู่ได้ทั้งวัน มีอะไรที่จะต้องดูแล (ไม่มีก็หาเรื่องให้มี อิอิ :D ) ...ความสุขในการใช้รถ มันเป็นเช่นนี้หนอ :-[ :-[
-
:ตาปิ้ง: ผมได้มาแบบ ระบบมรดกครับ คือ รุ่นสู่รุ่นเหอะๆ รถของแม่นั่นเอง เหอะๆ
คือถ้าไม่ได้รับเป็นมรดกต่อจากใครมา แต่เป็นเจ้าของตั้งแต่ป้ายแดงเลยเนี่ย จะโดนข้อหา สว.ไหมเนี่ยเรา
ก็คงรุ่นสู่รุ่นเช่นกันครับ เก็บไว้ให้ไอ้ตัวเล็กที่บ้าน (จะขายไปหรือใช้ต่อ ก็แล้วแต่เขาหล่ะ เมื่อถึงเวลานั้น)
-
พี่เล็ก opel คันแรกผมอาจไม่ใช่ OMEGA ถอยมาป้ายแดง 7 แสนกว่า รถปลายปี 95 ตอนนี้ก็จะสิบห้าปีแล้ว แต่ก็ใช้มาจนทุกวันนี้
เริ่มมาจากนั่งรถเพื่อน Kadet Gsi สีดำ สวยโคตร ดึงจนหลังติดเบาะ ช่วงล่างแน่นมากๆ
เลยประทับใจ ที่จริงจะเล่ายาวก็พิมพ์ไม่เป็นเอาเท่านี้ละกัน
-
ตอนแรก เห็น เวกตร้า สวยมาก และเห็น คาริบลา
แล้วเห็น omega วางเครื่อง ได้แบบ ไม่มีปัญหา
ยังไง จะเสียเงินแล้ว ซื้อ คันใหญ่ไปเลย แตกต่างกัน ไม่กี่ บาท
ก้อเลยได้ omega sr20de ฝาเรียบ
ตอนแรกก้อไม่กล้าซื้อเพราะ คนขาย เพิ่ง ซื้อ มาวางเครื่อง + ติดแก๊ส ยังไม่ได้ใช้งานเลย หวั่นฯอยู่พอไปดูตัวจริง
เครื่องใหม่สวย รถ ก้อสวย ติดแก๊สด้วย มีใบ ราคาการทำมา พร้อมวันที่ เสร็จสับ แปลกใจทำมัยขายทิ้ง
เพิ่งมามามือเดียวเป็นรถหลวง แล้วมาอยู่กับลง ได้ 2 เดือน คือมาวางเครื่อง เพิ่งโอน แจ้งเปลี่ยน เครื่อง กลัวมีปัญหา
เอา วะ ....ตัวท็อป มันต้องมีอะไร ดีสิ...พอได้มา เพื่อนที่เล่นรถ ญี่ปุ่น มันบอกเอาอะไรมาวะ สวยดี ใหญ่ด้วย ทำไม มันวิ่ง ทางด่วน 160 นิ่งยังงี้วะ..
อีกอย่าง ราคาไม่แรก ใช้สัก7-8 ปี ก้อถือว่าคุ้มมาก ดีกว่าไปดาว รถเสียดอกเบี้ย เท่ากับ ซื้อรถ omega ได้เลย นะ...คร๊าบ
-
Corsa คันที่ผมใช้ก็เห็นมาตั้งกะยังป้ายแดง เป็นของพี่แฟน มือใหม่หัดขับถลอกไปรอบคัน ปล่อยน้ำแห้งไปสามรอบ กว่าจะได้ซื้อต่อมาใช้จนทุกวันนี้ เพิ่งจะปาดฝาเปลี่ยนประเก็นเมื่อสองปีก่อนเอง มีจุ๊กจิ๊กบ้าง เรื่องระบบไฟ แต่พอหลังได้มาป๊ะ กับ Opel.in ได้อ่านในกระทู้ต่างได้ข้อมูลเยอะครับ ตอนนี้รถไม่มีปัญหา มีแค่เรื่องเดียวน้ำมันแพง 8)
-
Corsa คันที่ผมใช้ก็เห็นมาตั้งกะยังป้ายแดง เป็นของพี่แฟน มือใหม่หัดขับถลอกไปรอบคัน ปล่อยน้ำแห้งไปสามรอบ กว่าจะได้ซื้อต่อมาใช้จนทุกวันนี้ เพิ่งจะปาดฝาเปลี่ยนประเก็นเมื่อสองปีก่อนเอง มีจุ๊กจิ๊กบ้าง เรื่องระบบไฟ แต่พอหลังได้มาป๊ะ กับ Opel.in ได้อ่านในกระทู้ต่างได้ข้อมูลเยอะครับ ตอนนี้รถไม่มีปัญหา มีแค่เรื่องเดียวน้ำมันแพง 8)
>:( >:( >:(น้าสามลิตรมั่วแล้ว....จะ 2ปีได้ไงก็เพิ่งทำตอนวันเกิดเว็ปปีที่แล้วนี่เอง :o :o :o
-
พึ่งรู้ อ.หน่าก็รุ่นพี่ผมนี่เองเครื่องกลเหมือนกัน ผมใช้โอเปิ้ลเพราะความปลอดภัย
และราคามือสองถูกกว่ารถยุ่นวัยเดียวกัน
-
พึ่งรู้ อ.หน่าก็รุ่นพี่ผมนี่เองเครื่องกลเหมือนกัน ผมใช้โอเปิ้ลเพราะความปลอดภัย
และราคามือสองถูกกว่ารถยุ่นวัยเดียวกัน
อ้าว....เจอศิษย์พี่ร่วมสถาบันอีก1แระ ;) ;) ;)
-
พึ่งรู้ อ.หน่าก็รุ่นพี่ผมนี่เองเครื่องกลเหมือนกัน ผมใช้โอเปิ้ลเพราะความปลอดภัย
และราคามือสองถูกกว่ารถยุ่นวัยเดียวกัน
อ้าว....เจอศิษย์พี่ร่วมสถาบันอีก1แระ ;) ;) ;)
หน้าคุ้นๆ เหมือนกันครับ วิศวะ จุฬา หรือเปล่า
ผมว่าพี่หมอกำลังจะออกทะเลแล้วนะครับ :o :o
-
พึ่งรู้ อ.หน่าก็รุ่นพี่ผมนี่เองเครื่องกลเหมือนกัน ผมใช้โอเปิ้ลเพราะความปลอดภัย
และราคามือสองถูกกว่ารถยุ่นวัยเดียวกัน
อ้าว....เจอศิษย์พี่ร่วมสถาบันอีก1แระ ;) ;) ;)
:o :o :( นี่แหน่ะ...อยู่เรื่อยเลยนะเรา เขาสงวนศิษย์ไว้แล้วนะไม่จำ :o :o
-
พึ่งรู้ อ.หน่าก็รุ่นพี่ผมนี่เองเครื่องกลเหมือนกัน ผมใช้โอเปิ้ลเพราะความปลอดภัย
และราคามือสองถูกกว่ารถยุ่นวัยเดียวกัน
อ้าว....เจอศิษย์พี่ร่วมสถาบันอีก1แระ ;) ;) ;)
หน้าคุ้นๆ เหมือนกันครับ วิศวะ จุฬา หรือเปล่า
ผมว่าพี่หมอกำลังจะออกทะเลแล้วนะครับ :o :o
ผมออกตรงไหนครับ ศ.อาจารย์หน่า อยู่บนบกตลอดเลยครับเรือยังอยู่ในโรงเลยครับไม่ได้เอาออกมาแต่อย่างใดครับยืนยัน :มั้ง: :มั้ง: :มั้ง:
-
ไม่ใช่ครับ อาจารย์ ผมจบวิศวะ เครื่องกล ม.เกษตรครับ ว่าแต่ตอนนี้ผมเริ่มมีกิเลสอยากหารถแทนเจ้า corsa แล้วละซิ
ราคา audi A4 (B5) ตอนนี้มันน่าสนใจจริงๆ
-
รถคันที่ซื้อมาก้อซ่อมมาตลอดตั้งแต่ครั้งแรกเพราะเจ้าของขับอย่างเดียว เอามาก้อมาทำช่วงล่างก่อนช่วงที่ซ่อมใหม่ๆก็เครียดนะเพราะอะไหล่แพงมาก จะถอดใจก็หลายครั้งแล้ว แต่ก็ต้องทนใช้เพราะเหตุปัจจัย แต่เครื่องดีมากๆไม่เคยเกเลย เพราะคงไปเจอช่างที่ทำเป็นมั้ง แตไม่มีแหล่งอะไหล่ถูก เลยเจอแพงมาตลอด 3 ปีที่ใช้มา ถ้าไม่ขับลงข้างทางก็คงไม่ได้มารู้จักกับทุกๆคนหรอกและก็ยังคงซ่อมด้วยอะไหล่ที่มีราคาเหมือนเดิม แต่มันทำให้เรามั่นใจมากขึ้นนะเพราะวันนั้นเรากับเพื่อนที่ไปด้วยกันไม่เป็นอะไรมาก มันแข็งจริงๆ ตอนที่ไปพระบาทน้ำพุมันยังไม่ค่อยสมบูรณ์นักแต่ตอนนี้หมดปัญหาแล้ว แต่ก้อยังมีเกี่ยวกับตัวบอดี้รถอยู่เพราะไอ้อู่ที่ไปทำมันโคตรห่วยเลยและจะไม่ไปเหยียบมันอีกแล้ว ไว้รอปัญจัยก่อนก็จะไปทำให้มันใกล้เคียงกับครั้งแรกที่ได้มาหรืออาจจะดีกว่าเดิมก็ได้ และมันทำให้เรารู้สึกรักมันมากขึ้น ตอนนี้เลิกขับรถเร็วแล้วเพราะอยากอยู่กับโอเปิ้ลนานๆ :) :) :)
-
ไม่ใช่ครับ อาจารย์ ผมจบวิศวะ เครื่องกล ม.เกษตรครับ ว่าแต่ตอนนี้ผมเริ่มมีกิเลสอยากหารถแทนเจ้า corsa แล้วละซิ
ราคา audi A4 (B5) ตอนนี้มันน่าสนใจจริงๆ
ผม KU.62 E.58 ครับพี่ :ตาปิ้ง:
-
ผม KU:55 / E:51 ยินดีที่ได้รู้จักครับ
-
ผม KU:55 / E:51 ยินดีที่ได้รู้จักครับ
งั้น ขอคาราวะ สิดพี่ครับ ผม Tony KU 65.MBA7 ค๊าบ
-
ผม KU:55 / E:51 ยินดีที่ได้รู้จักครับ
งั้น ขอคาราวะ สิดพี่ครับ ผม Tony KU 65.MBA7 ค๊าบ
พี่โทนี่ นี่เราออกทะเลไปแล้วหรือป่าวเนี่ย ;D
-
ของผม โอ่ท่าจะยาว
ภาค 0
เริ่มจากตอนเด็กๆ ผมจำความได้ รถที่รู้จัก มี แลมโบ คูทัช (เห็นในรูปและมีรถเหล็กตามประสาเด็กทั่วไป) แต่ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไรรู้แต่ว่า แม่งโคตรเท่เลยแบนๆ
เปอร์โย 405 คันนี้ สมัยอนุบาลครับ แม่บอกว่าผมนั่งมองมันตั้งแต่ รร.เลิก ยันเจ้าของรถขับออกกลับบ้าน ร่วมๆ ชั่วโมง ผมรู้จักตอนนั้นว่ามันคือเปอร์โย มีสิงโตหน้ารถ
โอเมก้า B คันนี้ โตมาหน่อยสมัยประถม รู้แต่ว่า หน้ามันโคตรเท่เลย... แต่ไม่รู้จักว่าคืออะไร พึ่งมารู้เมื่อ 5-6 ปีที่แล้วว่าคือ โอเปิลโอเมก้า...
ภาค 1
เริ่มจาก...เรียนจบแล้วก็ จะหารถใช้ (ก่อนนั้นก้ใช้รถของแม่บ้าง รถที่เตนท์ของแม่บ้าง เลยได้ลองๆรถหลายๆครับ (เกือบสอย e-car ตัวต่ำสุดๆๆๆ มาแล้วตอนนั้นเขาขายแค่ 80000)
ในช่วงนั้นก็ดูว่าจะขับอะไรดีน่อ... มีดาวน์แจ๊สตัวแรก มันพึ่งออก 121 punto corsa
มองๆ 121 น่าจะไปไม่รอดเพราะว่า อะไหล่หายากโคตรๆ แถมแม่บอกว่าให้ซื้อรถยุโรป ไม่ก็ เมกาเท่านั้น
punto ก็ อะไหล่หายากอีก
พอดีว่า เพื่อนที่สนิทกัน กำลังจะเปลี่ยนรถใหม่ ไปขับอิม เลยต้องขายคันเก่า เอามาดาวน์ คันใหม่ บอกว่าจะขายให้ผม 80000 ก็ อ่ะน่าสน คันนี้ รู้ประวัติมาเพราะว่าเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ม.3
ย้อนกลับไป ผมเคยขับรถ แข่งกับเจ้า corsa 1.2 ของเพื่อนสมัยเด็กๆ(ผมขับรถเป็นตอน ม.3) จำได้ว่าซัดกันในกองพลรบพิเศษเลย ไม่มีรถ ออกตัวพร้อมกัน กับ corora หน้ายิ้มเครื่อง 2000 ปารกฏว่า 0-100 ผมกับ corsa ตีคู่กันเลย... งงแดกครับ รถอะไรฟระเครื่อง 1.2 วิ่งได้เท่ารถเครื่อง 2000 (ตอนนั้นยังไม่มีความรู้อะไร ขับอย่างเดียวแม่ให้ค่าน้ำมันเดือนละ 2000)
มาช่วง ม.ปลาย ไปเที่ยวกันที่บ้านสวนของพี่ที่สนิทกัน ผมก็นั่ง corsa ไปกับเพื่อน เนี้ยแหละ แล้วก็ขอลองขับดู สิ่งที่รู้คือ รถมันเกาะกว่า รถแม่ผมอีก เข้าโค้ง สบายๆเลย ไม่ทำท่าว่าจะหลุดโค้ง ทั้งๆที่ ล้อจิ๊ดเดียว เริ่มรู้ล่ะว่า มันเจ๋งนิหว่า
จนสุดท้ายก็ได้รถเพื่อนมาขับสมใจ ตอนนั้น ยังไม่เข้าเวบอะไรท้งนั้น ช่างก็เอาช่างที่ซ่อมเบนซ์ที่แม่รู้จักช่วยดูให้... จนดวงซวยครั้งแรก...
รถขับๆไป ปรากฏว่า ดับกลางอากาศ แล้วก็ไหลๆ ไปจอดหน้าอู่พอดี เลยให้เขาดูให้ แล้ว ให้แม่มารับไปส่งที่ทำงาน แล้วทิ้งเบอร์ ไว้ให้ว่า เป็นยังไงให้โทรมาบอก...
บ่ายๆ แม่โทรมาว่า ลากรถออกมาจากอู่แล้ว เพราะว่า อู่มัน พยายามจะ ถอดชุดคาบูไฟฟ้า มาแปลงใส่คาบูธรรมดา แทน :วิญญาณ: เลยลากไปอู่เบนซ์ แล้วก็ไล่เช็คปารกฏว่าคลอย์พัง เปลี่ยนไป แต่ว่า ชุดสายไฟตรงชุดหัวฉีด มันล่อตัดซะเละเลย ชิหายโมะ :ไม่:
แล้วก็ถามเพื่อน เจ้าของรถเก่า เขาบอกว่ามันมีเวบนะให้ลองเข้าไปดู อย่างแรกเลยคือ หาช่างก่อน ก็เลยรู้จักกับช่างเชษ ที่สันทราบ แล้วก็ให้ช่วยดูแลรถให้ ทำเองบ้าง บางเรื่อง เพราะว่า คุณพ่อผมก็ มีอู่เหมือนกัน
อาการที่ซวยที่สุดคือ หัวฉีดละลาย... ไม่รู้อีท่าไหน ต้องสั่งของจาก พี่สิน(ตอนนั้นยังไม่รู้จักเลย) แกก็บอกว่า ส่งขึ้นมาก่อนแล้วค่อยโอนเงินลงไปจ่ายแก (สุดท้ายส่งมาผิดตัว เอาหัวฉีดเครื่องx14 มา เสียเวลาส่งไปกลับอีก 4 วัน) รถก็จอดอยู่ข้าง ถนนนั้นแหละ มันไม่มีใครสนใจรถเล็กๆ โทรมๆอยู่แ้ล้ว 8) 8) 8) ได้ของมา ช่างเชษ ก็เปลี่ยนให้ แ้ล้วบอกว่า ชุดสายไฟต้องทำใหม่หมดนะ มันตัดซะเละเทะเลย... เริ่มรู้จักเต้ กลอฟ์ จากในเวบ จนหลังๆกลายเป็นแก๊งเด็กเก(ย์)... 8)
ตอนที่ลงมา กทม ก็พอดีว่า มีงานมิตติ้งกันที่ร้านกาแฟพีวิน ก็เลยนั่งแทกซี่ไปหลงๆหน่อย เลยเป็นครั้งแรกที่ได้มามิตติ้งกับคนในเวบกับเขาบ้าง...แฮะๆ
ขับอยู่เชียงใหม่ช่วงนึง ก็ เบื่องาน เลยลง กทมไปทำงาน แล้วเอารถไปด้วย...
ก็รู้จักแต่อู่พี่สินตอนแรกๆ เข้าเวบตลอด เริ่มศึกษาใส่ใจมากขึ้น รู้จักเพื่อนๆหลายๆคน รู้จัก อู่พี่เข้ สมัยอู่เก่า ไปซ่อมรถที่พี่สิน โช้คกลับบ้านเก่า ไปเจอ โช้คสไตท์เมทที่แกถอดออกจากรถพอดี... ราคาไม่แรง เลย ซื้อเลย ตอนนั้นหม้อน้ำก็ใกล้จะพังแล้ว... แต่อยากได้ช่วงล่าง เลย ซื้อก่อน...อิอิสุดท้าย ผ่านไปอีกอาทิตย์ กำลังจะขับรถไปเปลี่ยนหม้อน้ำ ปรากฏว่า รั่วกลางทาง เลยขับประคองๆ เข้าอู่เปลี่ยนหม้อน้ำใหม่ โดนบ่นนิดๆ อิอิอิ ขับจากเชียงใหม่ไปนอนบ้านพี่จุฟพิโลกเพื่อติดแก๊สเฉยเลย ทั้งๆที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แฮะๆ :น้ำร้อน:
พอได้ช่างล่างชุดนี้ ก็ เริ่มขับรถไปได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ พอกลับไปเชียงใหม่ ก็ไปหาพี่ คุยเรื่องรถ(แกเป็นคนสอนให้ผมขับรถให้ไปได้เร็วขึ้น) ผมก็บอกว่า รู้สึกว่ารถมันไปได้ไม่ทันใจแ้ล้วเหมือนกับว่า ถ้ารถดีกว่านี้ผมจะไปได้เร็วกว่านี้อีกเยอะเลย คันนี้มันเครื่องแค่ 1200 แกก็ให้ผมขับพาแกวน 1 รอบ แล้วก็สอนว่า ต้องเปลี่ยนนิสัยการขับ แบบนี้ๆๆๆ นะ เริ่มพื้นฐานใหม่ สุดท้ายกลายเป็นว่า ที่ผมรู้ๆมามันเป็นช่วงกลางๆ ถึงปลายๆ ได้พื้นฐานที่มันจะทำให้พัฒนาความสามารถในการขับ ผมไม่รู้อะไรเลย พอปรับใหม่หมด ก็ไปได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมากๆ กลายเป็นว่า ขับ corsa รู้สึกว่าเหมือนขับ โกคาท์ ทำได้ทุกท่าเลย ยิ่งได้มาขับโกคาท์ ช่วงแรกๆ พอกลับไปขับรถตัวเอง ก็ขับได้เร็วกกว่าเดิมอีก เริ่มเข้าถึงลิมิตรถจริงไเข้าไปเรื่อยๆ รู้ว่าอะไรควรไม่ควร โชคช่วยก็เยอะ รถช่วยก็เยอะ ทั้งหลุดโค้ง แต่รอด ทั้งขับๆมา รถหมุนกลางเขา 1รอบถ้วน แล้วไม่เป็นอะไรรอดมาได้ สุดท้าย รถเครื่อง 1200 วิ่ง เชียงใหม่-ปาย 2 ชั่วโมง (แม่มาลัย-ปาย 90 นาที) ล้อ13 ยางเดิมๆ สไลท์ทุกโค้ง แก้อาการทุกโค้ง แซงทุกคัน ตอนนี้เลิกแล้ว ไปเรื่อยๆ ไม่รีบ ขับเนียนขึ้น แต่ว่ายังแซงชาวบ้านอยู่ :น้ำร้อน:
เจ้าบอมบ์ ตอนนั้นเห็นผมใช้ corsa แล้ว ถึกทน ไม่พัง(เพื่อนๆสนิทๆจะรู้ว่า อะไรที่ผมใช้แล้วไม่พังแปลว่ามันทนโคดๆ) จะหารถใหม่พอดี ก็เลยให้ช่วย หาให้บ้าง พากันขับไปดูที่เตนท์ ไปสอย น้องม่วงมาคันนึง ใช้จนทุกวันนี้
พี่นกยักษ์ ช่วงที่ ยังไม่ได้ไปลาว ก็ขับรถมาที่บ้านสวนมากินกาแฟ เอาคาลิบร้า sr20det มา สุดโคตรๆ แล้วก็มีนัด พวก เจี๊ยบ น้าขาว น้าจรณ์ กับอีกหลายๆคน มาทานกาแฟที่บ้านสวน แต่ละคนเอา มือถือออกมาวาง SE ทั้งนั้น 555 มันช่าวเป็นมือถือของคนทำงานออกแบบเสียจริงๆช่วงนั้นนะครับ
ภาค 2
ตอนนั้น ที่บ้านกำลังหารถคันใหม่ ผมเลยยุเอาโอเมก้าเลย แล้วช่วงนั้น ผมผ่าตัดหลังด้วย ไปไหนมาไหนไม่ได้ งานมิตติ้ง 6 ปี ก็ให้พี่เล็กขับรถมารับแล้ว นอนไปที่งาน แฮะๆๆ(ได้สปริงหน้ามา 1คู่และล้อ17ใส่โอเมก้าทุกวันนี้) แต่ว่า ให้พี่หนุ่ยช่วยดูรถให้แทน ทั้งๆที่ตัวเดี้ยงอยู่ แต่ก็มี โอเมก้ามาเกยที่บ้าน... แล้วก็ส่งให้ไปจัดการที่อู่พี่สิน (ช่วงนั้นนอนพักฟื้นใกล้จะไปไหนมาไหนได้แล้ว) พอซ่อมเสร็จก็ส่งรถกลับไปเชียงใหม่ให้พ่อใช้แล้วผมก็ ใช้ corsa ตามเดิม... ตอนชับกลับเชียงใหม่ ทำให้ได้รู้ว่า โอเมก้าเดิมๆ มันเร้วกว่า corsa ผมทุกอย่าง นุ่มกว่า เร็วกกว่า สบายกว่า :omg:
ช่วงนั้น เริ่มหาทางทำให้ corsa 1.2 มันไปได้เร็วขึ้น
จะเปลี่ยนยางให้ใหญ่ขึ้น ใส่ล้อ 14 ก็กลายเป็นว่า วิ่งได้แค่ 120 ทั้้งๆที่เมื่อก่อน 120 ผมวิ่งที่เกียร์ 2
จะใส่เครื่องใหม่ ให้แรงขึ้น ก็ต้องทำเบรค ให้ใหญ่ขึ้น
จะเปลี่ยนเบรค ให้ใหญ่ขึ้น ก็ต้องเปลี่ยน ล้อให้ใหญ่ขึ้น...
สรุปว่า ต้องทำหมด... :dead: ก็เลย ช่างมัน ไม่ทำก้อด้าย.... :สำนึก:
สุดท้าย ขับอยู่เกียร์ 5 จะลงมาเกียร์ 4 แล้ว บุชคันเกียร์มันไม่ค่อยดี ยัดไม่เข้า ผมเลยกระแทกยัดมันลง มาจนหลุดไปเกียร์ 2 กระเดื่องวาวล์หัก ซ่อมที่พี่เข้แล้วแต่ว่ายังมีอาการกินน้ำมันเครื่องอยู่ แต่ก็ใช้ๆไปไม่ได้สนใจอะไรมันมาก...
ช่วงนั้น รู้จักจี๊ดจาก มิตติ้ง ร้านพี่เจต รู้จักกันจี๊ดบอกว่า รถวิ่งได้แค่ 160 ก็ไปลองกันที่ทางด่วนเลย เหอๆๆ มันได้ 160 จริงๆด้วยอ่ะ... แฮะๆๆ
แล้วก็ย้ายงานพอดีไปอยู่แถวๆ อุดมสุข ตอนงานมอเตอร์โชว์ ก็มีนัดกันไปเที่ยว จอดรถกันที่ เซ็นทรัลบางนาแล้วขึ้นแทกซี่กันไป ก็รู้จักเจ้าดุ๊ก กลอฟ์ตอนนั้นก็เป็นดาวหางสีฟ้าไปแล้ว กับอีกหลายๆคน เป็นแก๊งชายโฉดเดินงานมอเตอร์โชว์ด้วยกัน เหอๆๆ
ตอนที่สนิทกับจี๊ดมากขึ้นคือตอนที่ อยู่ดีๆ ดึกมากแล้ว จี๊ดโทรมาบอกว่า รถจอดตายอยู่ราชพฤษ ผมอยู่ สวนหลวง บอมบ์อยู่ นวมินทร์13 ก็ขับรถกันไปช่วยดู... สุดท้ายรู้ว่า ปั้มติกพังแต่ทำอะไรไม่ได้ รอรถมาลากเข้าอู่พี่สิน ขับรถไปส่งจี๊ดที่บางใหญ่ แล้วก็แยกย้ายกลับบ้าน ดึกๆๆๆ ทีเดียวเชียว...
ยาวจัง ได้ครึ่งทางยังเนี้ย.. ดึกล่ะ เดี๋ยวมาต่อวันหลังดีกว่า...เหอๆ ;D ;D ;D ;D
-
ผม KU:55 / E:51 ยินดีที่ได้รู้จักครับ
งั้น ขอคาราวะ สิดพี่ครับ ผม Tony KU 65.MBA7 ค๊าบ
พี่โทนี่ นี่เราออกทะเลไปแล้วหรือป่าวเนี่ย ;D
จุ๊ จุ๊ เดียว อ.ศ.หน่า มาบอกเองแหละ....แต่ผมว่าเรา หยุดนับรุ่นกันแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวเพื่อนผ๊มเคือง.. :-[ :-[
-
ผม KU:55 / E:51 ยินดีที่ได้รู้จักครับ
งั้น ขอคาราวะ สิดพี่ครับ ผม Tony KU 65.MBA7 ค๊าบ
ผมก็แก่สุดเลยอ่ะดิ KU60 เง้อ :shock: :shock: :shock:
-
วันแรกไม่รู้เรื่องอะไรเลย
รู้อยู่อย่างเดียวชอบรถ 2 ประตูเท่านั้น + เงินมีจำกัด
เจอคอซ่า เท่างบ ซื้อซะเลย ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าจะหาอะไหล่ที่ไหน ซ่อมที่ไหนได้ อู่ทั่วไปซ่อมไม่ค่อยได้ก็เพี่งรู้
หาเวปที่เค้ารวมตัวกันดิ opellove อ่านดูโอ้ว รู้จักสมาชิกก็ไม่กี่คนคนแรกคุณต้น ตามอ่านกระทู้อาการเดียวกันเปะกับที่มีปัญหา
ทุกวันนี้ซ่อมแทบทุกอย่าง 1 ปี จนไม่ต้องซ่อมอีกแล้ว แก้ปัญหาเบื้องต้นได้ไปหมด ดูแลตามระยะอย่างเดียว
-
:) :) :)
ขอแจมด้วยคน .. ค่ะ
ผมได้คันนี้มาแบบไม่ตั้งใจ ไม่เคยคิดว่าในชีวิตจะมีรถของตัวเอง
เพราะปูนนี้แล้วขนาดจักรยานยังปั่นมิเป็นเลย
ราคาตอนแรกก่อนซ่อมไม่แพง เลยไม่คิดมาก เอาก็เอา ..
พอได้มา ก็ถอดใจหลายที ด้วยความที่ไม่รู้เรื่องอะไรซักอย่าง ..
เสียเงินเป็นระยะ จ่ายไปพอสมควร จะขายก็เสียดาย
ล่าสุดขับจนน้ำมันเครื่องเกือบแห้ง สภาพรถก็ถลอก บุบ ยุบกันรอบคัน
ขึ้นโรงพักเพราะชนกันก็เคยมาละ ..
ต้องขอบคุณเว็ปนี้ แล้วก็คุณชายต้น(+เต้) ที่ช่วยมาเอาไปซ่อมที่อู่พี่สุรัตน์ชัยตั้งแต่ครั้งแรก ..
(ตอนนั้น มันดับกลางอากาศไปหลายที ใช้เบรคมือก็ไม่เป็น ทำไรไม่ถูก - โชคดีไม่ไปเสยอะไร)
ส่วนตอนนี้คิดว่า คงต้องอยู่กับรถคันนี้ไปอีกนาน
(เพราะเอาตังไปผ่อนบ้านหมด 555)
ปล.เวลาเข้ามาอ่านกระทู้ที่บ้านนี้ทีไร รู้สึกอบอุ่นดี .. (ค่ะ)
:ตาปิ้ง: :ตาปิ้ง: :ตาปิ้ง:
-
:) :) :)
ขอแจมด้วยคน .. ค่ะ
ผมได้คันนี้มาแบบไม่ตั้งใจ ไม่เคยคิดว่าในชีวิตจะมีรถของตัวเอง
เพราะปูนนี้แล้วขนาดจักรยานยังปั่นมิเป็นเลย
ราคาตอนแรกก่อนซ่อมไม่แพง เลยไม่คิดมาก เอาก็เอา ..
พอได้มา ก็ถอดใจหลายที ด้วยความที่ไม่รู้เรื่องอะไรซักอย่าง ..
เสียเงินเป็นระยะ จ่ายไปพอสมควร จะขายก็เสียดาย
ล่าสุดขับจนน้ำมันเครื่องเกือบแห้ง สภาพรถก็ถลอก บุบ ยุบกันรอบคัน
ขึ้นโรงพักเพราะชนกันก็เคยมาละ ..
ต้องขอบคุณเว็ปนี้ แล้วก็คุณชายต้น(+เต้) ที่ช่วยมาเอาไปซ่อมที่อู่พี่สุรัตน์ชัยตั้งแต่ครั้งแรก ..
(ตอนนั้น มันดับกลางอากาศไปหลายที ใช้เบรคมือก็ไม่เป็น ทำไรไม่ถูก - โชคดีไม่ไปเสยอะไร)
ส่วนตอนนี้คิดว่า คงต้องอยู่กับรถคันนี้ไปอีกนาน
(เพราะเอาตังไปผ่อนบ้านหมด 555)
ปล.เวลาเข้ามาอ่านกระทู้ที่บ้านนี้ทีไร รู้สึกอบอุ่นดี .. (ค่ะ)
:ตาปิ้ง: :ตาปิ้ง: :ตาปิ้ง:
ขอยกนิ้วให้กับหญิงอึด อดทนเป็นเลิศ :D :D :D
-
มท 1จัดการเองทั้งหมด รู้ครั้งแรกเมื่อรถมาจอดหน้าบ้านแล้ว หน้าตาแปลกๆ สั้นๆ 2 ประตู หลังค่อม คิดอยู่ในใจ กูจนเพราะไอ้รถคันนี้แน่ ก็ซ่อมมันเรื่อยมาจนกลายเป็นความรักและเข้าใจกันในที่สุด
-
;D เอามั่ง ขอแจมมม ด้วยยย
อ่ะแฮ่ม อะแฮ่มมม เดิมที๊ เดิมที ไม่ได้มี อยู่ ในหัว ว่า จะซื้อรถ เพรราะ ชอบ เป็น คนนั่ง มากกว่า ( คือ เป็น คน ขี้ตกใจ ขี้กลัว ประกอบกะ โดนรถชนบ่อย เลย ขยาดๆๆ)
แต่ เมื่อต้นปี ที่ผ่านมา คนรู้จัก อยู่ที่ เชียงใหม่ ต้องการขายรถ เพราะ ต้องไป เรียนต่อ เมืองนอก เลย ขาย opel น้อย ที่ มีอยู่ เลย เเจ้งราคา โอ้ว ราคาย่อมเยาว์ น่าสนใจ เพระา nature ชอบ รถคันเล็กๆ อยู่ เเว้วว เลย เข้ามา สืบ โดย ถาม google ว่า โอเปิ้ลเป็น เยี่ยง รัย เลยได้มา เจอ เว้ป นี้ เเหล่ะ อ่ะคะ ก้อ แอบบ เนียนๆ ดูๆ มา ร่วม สองเดือน ... ก้อได้ เวลา กดโทร หาผู้โชคดี ท่าน นึง คือ คุณ นัท ( ตอนนั้น ต้องเรียก ว่า.. คุณ ;D ) เหตุ เพราะ ดู อายุใกล้เคียงกัน น่า จะ คุย กันเวิคคคค .... โทรไป ปุ๊ปปป นัท ก้อ อธิบาย ยาวเหยียด เลย บอก นัท ว่า มอง รถ ที่เชียงใหม่ ไว้ คัน ....
พอ วางสาย นัท หารู้ไหม ว่า นัท โทร หา คุณ ต้น ( ตอนนั้น ก้อ เรียก ว่า ... คุณ อีก เช่นกันน 8) ) ให้ ต้น ไปดู คันที่เชียงใหม่ ให้ เลย ได้ โทรคุยกัน เเละ ต้น ก้อมีน้ำใจ ไปดู รถให้ แบบ คน ที่รู้จัก แอบ งงๆ ว่า คนนี้เป็น ใคร เพื่อน ปู เหรออออ ??? ไมมา จู่โจม เช่นนี้ ...
จาก นั้น ประ กอบ กะ เจ้าของ รถ ของ ปู ใน ปัจจุบัน เขา จะ ขายรถ พอดี เเละ ฝาก บอก ต้น มา ต้น เลย เเนะ นำ ปู เเละ อธิบาย หลาย อย่าง ( ตอนนั้น อารมณ์ แบบว่า เฮ้ยยย เชียร์ไปไหม หว่าา ) ;D และ เลยรบกวน ให้ นัท เขา พาไปดู แต่ ใน ที่สุด ขอ บอก เลยค่ะ ว่า ไม่ได้ เสีย ใจ เลยที่ได้ คันนี้มา ต้องขอบคุณ ต้น กะ นัท มากๆๆ ที่ ไซโค ปู จนได้ คันนี้มา เพระา อีเน่า ปู ไม่เคย ทำ ให้ เสียใจ ถึง เเม้ มัน จะเป็น พาวเยอร์ อาจจะ ทำให้ ปู หมุน สะ เว่อร์ .... แต่ จริงๆ มันยังไม่เคยเป็นไร เลยอ่ะ ขับ กัน กระจายยย มี แต่ เพียง ว่า ปู ต้องไปเปลี่ยน โช๊ค (เพราะ ปูไปขึ้นเกาะ จน โช๊ค แตก :-[) และ ก้อดู เเล ตามจุดต่างๆ ตาม กาลเวลา เช่น พวก สายพาน ปั๊มน้ำ และ ลูกรอก ต่างๆๆ ค่า เพราะ ปู ใช้ มัน จน ไป 40000 โล แว้วววววว
ps... ขอบ คุณ เว้ป โอเปิ้ล ที่ทำให้ ผู้หยิงตัวน้อยยยย :น้ำร้อน: คนนี้ มี ที่สิงสถิต และ เนียนนน โทรหา คนนู้น คนนี้ไปเรื่อย เพื่อขอคำปรึกษา และ ปรับ สภาพ รถของปู น่ะค่าาาาา 8) 8)
-
:) โอเปิลของผม ครั้งแรกใช้ฮอนดาอยู่เมื่อหลายปีที่แล้ว ระหว่าเดินทางออกต่างจังหวัด เจอโอเปิลคันน้อย ๆ แซงหายไปแบบไม่เห็นฝุ่น ไม่รู้ว่าเป็นรถอะไร แต่ดูแล้วความเร็วเค้าน่าจะอยู่ที่ 140 up น่าประทับใจมาก พอเปลี่ยนรถ เลยตามใจคุณภรรยา ออกคุณออส ให้เค้าก่อน จนถึงคิวตัวเอง มีงบอยู่ 25พัน ไปหารถมือสองใช้ ไปควานหาคอซ่า 1400 มาหลายที่ โชคดีที่ได้ gsi มาครอบครอง สัปดาห์แรก หม้อน้ำรั่ว แล้วก็ตาน้ำ วิ่งเกาะถนนดีมาก แต่ก็ออกอาการรวนบ่อย ต้องสังเกตอาการตลอดไม่กล้าออกไปไหนไกล วิ่งเข้าออกอู่ตลอด เลยมาเปิดฝาเช็ค รอบที่ 1 อะไรเก่าก็เปลี่ยนมันซะ จากนั้นมีโอกาสรู้จักโอเปิลเลิฟ และเข้าโอเวอฮออล์ชุดใหญ่ที่อู่สินอีกครั้ง แล้วก็อยู่กับที่นั่นตลอด เปลี่ยน แม็ก ยาง อะไรอีกหลาย ๆ อย่างเพราะอยากให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด ไป ๆ มา ๆ ดูบิลแล้ว 4 ปีที่อยู่ร่วมกันมาเปลี่ยนโน่นเปลี่ยนนี่ หมดไปร่วมแสน แต่ ก็รักเค้าเพราะรถคันนี้ เป็นเหมือนทั้งรถและเพื่อนที่ไปไหนมาไหนด้วยดัน สามารถปกป้องคุ้มครองจากอันตรายในการเดินทางได้เป็นอย่างดี หลายต่อหลายครั้ง อีกไม่นานกะลังจะ มีโครงการจะบูรณะใหญ่เค้าอีกซัก 1 รอบ และ เก็บสีใหม่ทั้งคัน ให้อยู่กับเราในสภาพสวยสมบูรณ์นาน ๆ บอกได้เลยว่า รักโอเปิลครับ และ รักเวปอันมีคุณค่าสำหรับเราทุกคน ทั้ง opel.in และ opellove ด้วยครับ
ขอบคุณครับ :)
-
ขอผม ไปดูรถป้ายแดงตอนนั้น Chavlolet แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเอา
ช่วงบ่ายเอารถไปทำแอร์ มีเวลาเลยเดินไปดูรถที่เต้นข้างๆ (รถมือ 2)
เหมือนบุญพาวาสนาส่ง ก็ได้ไปเจอเจ้า Omega คันนี้เข้า คนขายเขาบอกเขาไว้ใช้เอง
แต่ถ้าอยากได้ก็จะขาย เลยถามว่าราคาเท่าไร เขาบอก 240K อื่มๆ ก็เลยขอลองขับ 1 รอบชิวๆ
แหล่มเลยครับ รถอะไรราคาขนาดนี้ มีม่านบังแดดไฟฟ้าด้านหลัง เบาะไฟฟ้า แอร์หน้าหลัง หึหึ
วันรุ่งขึ้นเลยกำเงินสดไป ยื่นให้คนขาย ....คนขายยังตกใจเลย เขาบอกไม่คิดว่าน้องจะเอา
จากวันนั้นจนวันนี้ (กี่ปีแล้วอะ 4-5 ปีแล้วมั้ง) ทำนู่นทำนี่ไป ไม่น่าเกิน 200K
ครั้งแรก โอเวอร์ฮอนไป 30K
ครั้งที่2 ติดแก๊สไป 35k up
ครั้งที่3 วางเครื่องใหม่ 2JZ VVTi 35K + แก๊สหัวฉีดอีกประมาณ 15K เอาของเก่า เทิร์น
ครั้งที่ 4 ซ่อมเบ็ดเตล็ด เปลี่ยนจานเบรค ผ้าเบรค ช่วงล่าง 60K ได้
จำไม่ได้และ ประมาณนี้
เท่านี้ก็ Happy สุดๆ กับ Omega Sedan เพราะขับไปไหนใครๆ ก็บอกว่าสวย 555+ แบบว่ามันไม่เหมือนใคร จริงๆ นะครับ
8) 8) 8) 8) 8) 8) 8)
-
โห่ พี่ต้นเขียนยาวจัง.......... :(
-
โห่ พี่ต้นเขียนยาวจัง.......... :(
.....ยัง ....ยังไม่หมดหรอกจ้า :) :) ....ตาต้นของแท้ ต้องเขียนยาวก่านี้ อีก ....ยังเหลืออีกเยอะะะะ 55555 :drink: ;) ;)