OPEL in : The Happiest Opel Family in Thailand
Opel in Talks => Showroom => Topic started by: jadenipat on 20 Jul 2011, 08:53
-
User’s review Opel Astra บททดสอบนี้มาช้าไป 16 ปี
บทนำเข้าเรื่อง
ต้องบอกก่อนว่าผมอิจฉาครับ อิจฉาที่บทความทดสอบรถยนต์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมายในปี 2011 นี้ รถใหม่ๆ มีบทความทดสอบรถให้ดูกันมากมายเหลือเกิน หาดูได้ง่ายมาก ทั้งในหนังสือชื่อดังที่ก่อกำเนิดขึ้นมาหลายปีดีดักแล้ว หรือแม้กระทั้งในเวปต่างๆ ผมก็เป็นคนนึงที่เข้าไปดูในเวปประจำโดยเฉพาะเวปอย่าง www.headlightmag.com แม้เป็นเวปที่ก่อตั้งขึ้นมาไม่นาน แต่ชื่อเสียงคนทำบทความต่างๆนั้นดูจะโด่งดังมาก มี Review รถมากมายให้ได้อ่านกัน ส่วนมากก็จะเป็นรถใหม่เนื่องจากหามาให้อ่านได้มากกว่า และสัมผัสกับตัวรถได้มากกว่า ซึ่งก็ดูปกติ
แต่ที่ไม่ปกตินั้นคือภายในตัวเวปจะมีห้องสำหรับ Review ตัวของตัวเอง นั่นไงละ พอเข้าไปดูนั้นมี Review มากมายเป็นอย่างมาก รถเก่า 20 ปีก็ยังมีซึ่งส่วนมากก็จะเป็นรถ Japan ซะส่วนใหญ่ นั่นซิผมถึงอิจฉามากเลยครับ ทำไมถึงไม่มีการ Review แบบนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ถ้ามีละก็ยี่ห้อ OPEL ก็คงน่าจะเป็นที่รู้จักกันมากกว่านี้เป็นที่แน่แท้ แล้วมันคงจะไม่หายไปจากเมืองไทยแบบนี้
-
ปัจุจบันสำหรับรถยี่ห้อนี้
ก่อนจะว่ากันถึงรถที่ผมครอบครองอยู่ตอนนี้ ว่ากันเรื่องอดีตเสียก่อน OPEL ผมไม่แน่ใจว่าเข้ามาเมืองไทยตอนไหนกันแน่ เพราะบางที่เห็นรถรุ่นเจ้าคุณปู่ ก็ยังวิ่งไปมาแถวบ้านผมอยู่ แต่ที่แน่ๆ บริษัทพระนครยนต์ นำเข้ามากๆตอนปี 1990 – 1996 แล้วก็เดี้ยงไปเลย สาเหตุนั้นก็ยังคง งง กันต่อไป อาจจะเป็นเรื่องราคาตัวรถ , สู้รถคู่แข่งไม่ได้ , ศูนย์ที่นำเข้าห่วยเรื่องบริการ , แอบสับเปลี่ยนอะไหล่เก่าให้ลูกค้าบ้าง(ถ้ารออะไหล่คง 2 เดือน) หรืออะไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ก็ไม่มีรถ OPEL ใหม่ๆเข้ามาที่ประเทศไทยอีกแล้ว มันน่าน้อยใจนัก ขนาดไอ้รถยี่ห้อแปลกๆ มันยังอยู่ได้
ว่ากันในเรื่องความแปลกของตัวรถกันนิดหน่อย ตอนนำเข้ามานี่ ต้องนำเข้ามาทั้งคัน แบบว่าประกอบกันที่ต่างประเทศ รถจะมีมาตรฐานสูง งานประกอบก็ดี เครื่อง อะไรนี่ดี(เมื่อก่อนนะตอนนี้เริ่มรวน) แต่เอาแอร์ออก แล้วมาติดในไทยแทน เพื่อลดภาษีนำเข้า ว่ากันว่าลดได้ เป็นแสนบาท สุดยอดจริงเมื่อไทย เพื่อสู้ราคากับรถที่เข้ามาก่อนแล้ว
เมื่อก่อนนี้คนที่มาซื้อรถยี่ห้อนี้ก็คิดว่าน่าจะชอบในความเป็นเยอรมัน เหมือนกับ BMW หรือ VOLK ซึ่งเวลาขับนั้น ช่วงล่างนั่นมั่นใจได้ดี แต่ถ้าเอารถตอนนี้บางคันมาลอง อาจไม่เหมือนเดิมแล้ว เนี่องจากไม่ได้ดูแลมาเป็นเวลานานมาก อยากได้ดีก็คงต้องรื้อระบบเปลี่ยนยกชุด
ในเมืองไทยนั้นไม่ได้นำรถยี้ห้อนี้เข้ามาขายแล้ว ผู้นำเข้าอิสระก็ไม่กล้าเอามาขายกลัวคนไม่ซื้อ คนซื้อก็เลยอดไป แต่รถที่เคยขายไปแล้วก็ยังวนเวียนอยู่ในสังคม มีหลายคันที่เจ้าของมือ 1 2 3 4 5 ยังดูแลอย่างดี ผมเห็นบางคันใหม่มากเหมือนซื้อมาเก็บไว้ เลขกิโล ขึ้นแค่ 80,000 โล ตกปีละ 5,000 โลเท่านั้น ขับยังไงกันเนี่ย สำหรับบางคันนั้นอาจน่าสงสารกว่านั้น ถูกทิ้งเป็นซากไว้ เครื่องพัง เกียร์พัง ไม่รู้ซ่อมไหน ก็ทิ้งไว้ให้เป็นหลักฐานว่าเคยวิ่งบนถนนเมืองไทย แต่ก็ยังมีคนรักในยี่ห้อนี้ เก็บมันขึ้นมา บูรณะใหม่ ทำให้มันใช้การได้ ก็ถือว่าเป็นรถที่โชคดี
-
ประวัติอดีตของ OPEL
ก่อตั้งมาโดย นาย Adam opel AG เมื่อปี 1862 (พ.ศ. 2404) ที่ประเทศเยอรมัน ตอนแรกเค้าไม่ได้ทำรถ แต่ทำจักรเย็บผ้านะ ปี 1902 (พ.ศ. 2444) ได้ผลิตรถคันแรกขึ้นมาใช้รุ่นว่า Opel – Darracq มีตัวจริงที่นิทรรศการด้วย อื่นๆไปอ่านเองที่http://en.wikipedia.org/wiki/Opel แปลไม่ไหวครับ
รูปแบบโลโก้มีประวัติยาวมาก
คงเหมือนกับยี่ห้ออื่นๆ มีการปรับเปลี่ยนตามสมัยของมันเอง ไม่ต้องอธิบายมาก ดูรูปเข้าใจแน่นอน
-
รุ่นของรถที่มาอยู่ในเมืองไทย
รถที่นำเข้ามานั้นมีหลายรุ่นมาก ผมจะอธิบายตามที่มีข้อมูลแต่อาจไม่ครบถ้วนนั้นบางที่เห็นรุ่นแปลกๆก็มีมันมุดมาทางไหนก็ไม่รู้ซิ รุ่นที่ผลิตก็จะมีดังนี้
โอเปิล 6/16 (1910)
โอเปิล 4/12 (1924)
โอเปิล โอลิมเปีย (1935)
โอเปิล แคปิแทน (1939)
โอเปิล เรคอร์ด (1961)
โอเปิล คาเด็ท (1961)
โอเปิล คอมโมดอร์ (1968)
โอเปิล อัสโคนา (1970)
โอเปิล มันทา (1970)
โอเปิล เซเนเตอร์ (1978)
OPEL KADETT แบ่งเป็น
KADETT –E (1985-1993)
แบบ 4 ประตู
แบบ 2 ประตู GSI (ตัวแรง)
OPEL CORSA แบ่งเป็น
CORSA A (1983-1992)
CORSA B (1993-1998)
แบบ 5 ประตู (มีมาก)
แบบ 3 ประตู (มีมาก)
รุ่น JOY (มีพอสมควร)
รุ่น GSI (ตัวแรง มีน้อย)
OPEL ASTRA แบ่งเป็น
ASTRA F (1992-1998)
แบบ 4 ประตู (มีมากหน่อย)
แบบ 5 ประตู (มีพอสมควร)
แบบ 3 ประตู (มีน้อย)
แบบเปิดประทุน (เท่าที่ทราบมี 3 คันในประเทศไทย)
โอเปิล VECTRA แบ่งเป็น
VECTRA A (1989-1995)
แบบ 4 ประตู
VECTRA B (1996-1998)
แบบ 4 ประตู
OPEL OMEGA แบ่งเป็น
OMEGA A (1987-1993)
แบบ 4 ประตู
แบบ คาราวาน
OMEGA B (1994-1998)
แบบ 4 ประตู (มีมากหน่อย)
แบบ คาราวาน (มีพอควร แต่ไม่มีใครอยากขายต่อ)
OPEL SENATOR
OPEL CALIBRA (1989-1997)
แบบ 2 ประตู (มีพอควร แรงอย่างเดียว)
-
รถคันแรกในชีวิตทำไมมาใช้รถยี้ห้อนี้
สำหรับผมแล้ว เป็นรถคันแรกในชีวิตจริงๆ และใช้เงินตัวเองซื้อจริงๆ ในความคิดครั้งแรกไม่ได้เคยคิดจะซื้อยี้ห้อนี้เลย มียี้ห้อนี้ด้วยหรอไง ? ผมจะไปซื้อไอ้ที่เค้าฮิตๆ กันพวก Honda , toyota แต่ด้วยเนื่องจากทุนทรัพย์ที่จำกัด บวกกับมีความจำเป็นต้องใช้รถเพื่อการทำงาน มีเงินจำนวนหนึ่ง พอดาวท์รถใหม่ได้แล้ว แต่ไม่อยากจะผ่อน เลยไปเจอ OPEL CORSA เสียก่อน เออ มันสวยดี ซื้อเลย ไม่ได้รู้ด้วยว่า จะซ่อมที่ไหน เสียบ่อยไหม อะไหล่หายากหรือเปล่า ไม่รู้ละ มันมาจอดอยู่ที่บ้านแล้ว เราก็ลองหาใน Internet ดูว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง เจออันแรกเลย OPELLOVE.COM ต้องขอขอบคุณข้อมูลต่างๆ ทำให้ผมรู้อาการต่างๆเบื้องต้น วิธีการตรวจเช็ก อู่ซ่อมที่ไหนบ้าง ถ้าผมไม่เจอเวป OPELLOVE ผมขายรถทิ้งไปแล้ว
ใช้รถ OPEL CORSA มากี่ปี เสียบ่อยไหม ?
ผมใช้มาประมาณ 3 ปี เรื่องเสียนั้นไม่ค่อยมีเท่าไร มีแต่เกือบเสีย แต่รู้อาการว่าอะไรจะเสียจับเปลี่ยนมันซะก่อน เลยไม่ค่อยมีปัญหาปวดหัวเท่าไร
-
เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนรถ
เปลี่ยนรถทำไมเมื่อรถเก่าบอกดีอยู่แล้ว มันก็ไม่ได้มีอะไรมากเลยครับ ผมขับ CORSA อยู่ 3 ปีน่าจะได้ มีคนในเวปเค้ามาประกาศขาย OPEL ASTRA 3 DOOR ครั้งแรกที่เข้าไปดู โทษนะครับ “ มันมีด้วยหรอวะรุ่นนี้ “ นึกว่าเป็นรถจดประกอบด้วยซ้ำ เลยโทรไปสอบถามข้อมูลรถ โชคดีที่บ้านเค้าอยู่ไม่ไกลจากบ้านผม ได้ไปลองดู และลองขับ แล้วผมก็กลับ ด้วยราคาที่เค้าเปิดมานั้น ถือว่าสูงสำหรับรถที่ไม่ติดตลาด เงินทุนก็มีน้อย ผมจึงพักไว้ก่อน เก็บเงินได้อยู่ 2 เดือน นึกว่าเค้าขายไปแล้ว ผมโทรไปถามเค้าอีกทีนึงเค้ายังไม่ขาย “ เวอร์มาก “ ผมตัดสินใจประกาศขายรถของผมเพราะเงินทุนไม่พอจริงๆ ขายในราคาที่ควรจะเป็น เชื่อไหมครับ 30 นาที แรก มีคนโทรมา 10 กว่าคนได้ มีทั้งต่อราคามาก น้อย จะนัดเจอ แต่มีเพียงท่านเดียวที่บอกว่าจะมาดูรถตอนเช้าของอีกวันนึง เอาแปดโมงเลย “ ตั้งตัวไม่ทันเลย ”เค้ามาดู มัดจำ เลย บอกว่าอีกวันจะมาเอารถ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ตอนเค้ามาเอาน้ำตาจะไหล OPEL CORSA พาผมไปทุกที ไม่เคยงอ แง ไม่เลยเสียกลางทาง ล้างรถบ่อยมาก ฝุ่นข้างในแทบไม่มี สะอาดสุดๆ พูดถึงแล้วคิดถึงมาก
วันต่อมาเค้าก็มาเอารถ เอาไปแล้วตอนเช้า ผมก็ไม่มีรถใช้นะซิ ฮะ ฮะ โรงรถที่บ้านโล่งไปในทันที แต่ก็นึกว่าเย็นนี้แหละ คันใหม่สีเหลืองมันจะมาอยู่ที่บ้านแทน แล้วผมก็หอบเงิน (ในธนาคาร) ไปหาเจ้าเหลืองคันใหม่ที่นัดกับผู้ขายไว้ และตกลงซื้อขายในทันท่วงที ขับกลับบ้านซะจำได้เลย 1 ทุ่มพอดี รถกำลังติดเลย ถือโอกาสทดสอบความร้อนรถไปซะด้วย กลับถึงบ้านนั่งมองรถอยู่ครึ่งชั่วโมง “ รถโครตสวยเลยวะ “
แล้วได้รถรุ่นไหนมาละ
ผมได้รถคันนี้มาครับ
รุ่น : OPEL ASTRA
โมเดล : 3 ประตู
เครื่อง : X18XE 1800 CC
เกียร์ : ธรรมดา
สี : เหลือง
ภายใน : เดิมทั้งหมด เบาะหนังสีดำ คอนโทรลสีดำ
-
เอารถมาทำไงต่อไป
ทำไงละครับ กลัวรถมีปัญหากลางทางเนื่องจากเราไม่ได้ดูแลมาตั้งแต่ต้น พาไปอู่ก่อนเลย พาเปลี่ยนสายพาน ลูกรอก ปั้มน้ำ วาวล์นั้น พวกระบบความร้อนก่อนเลย เปลี่ยนพวกนี้ก่อนสบายใจ ไม่ต้องมาคอยกังวลอยู่กลางถนน ตอนร้อนๆ ผู้ที่ซื้อรถมาใหม่ๆก็ควรจะดำเนินการพวกนี้นะครับ
-
จะแต่งรถไหม แล้วจะแต่งไปแนวไหน
ผมไม่ค่อยแต่งรถเท่าไร แต่งก็นิดหน่อย ไม่อยากให้รูปทรงมันผิดเพี้ยนไปจากเดิมมากนัก “ ขอเดิมๆนะจ๊ะ ”
-
น่าจะใส่ล้อก่อนนะสวยขึ้นทันที
หลายคนบอกให้เปลี่ยนล้อก่อน ผมหาล้ออยู่ตั้งนาน นาน นาน มาก ไปลองเทียบอยู่หลายที ไม่โดนซักที สุดท้ายมีคนยอมปล่อยล้อในตำนาน STEINMETZ ผมซื้อมาเลย ไม่รู้ทำไม บางท่านบอกว่า ล้อก็หนัก ลายก็เก่า ใส่ทำไม ไม่เบื่อหรอ ผมคิดว่าล้อมันออกแบบมาให้เข้ากันได้กับรถทรงนั้นๆ ใส่แบบอื่นมันไม่ดีที่สุดหรอกนะ ลองดูภาพที่ผมถ่ายออกมาตอบคำถามได้ทั้งหมด “ ไอ้นี่มันเข้ากับรถนี่หว่า “ ข้อเสียของล้อยี่ห้อนี้ก็คือ ล้อเปล่าๆ ก็หนัก 8.9 KG แล้ว มีผลในเรื่องน้ำมันแน่นอน
-
เรื่องอะไหล่ละน่าเป็นห่วงไหม
บอกได้เลยว่าน่าเป็นห่วงครับผม เนื่องจากไม่ใช่เป็นที่นิยมในเมืองไทย การหาอะไล่ที่ขาดหายไปนั้นเป็นเรื่องน่าหนักใจ บางชิ้นนั้นหายากมาก การหาอะไหล่นั้นจะต้องหาให้ถูกที่ ไปไม่ถูกที่ก็หาไม่เจอ หลักๆแล้วก็จะหาที่ อู่สินโอโต้, เซียงกงบางนาซอย 4 , เซียงกงพระราม 5 , เวป OPELLOVE , เวป OPEL.IN.TH , สมาชิกต่างๆที่อยู่ตามเวป นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ค่อยมีหรอกครับ เมื่อคุณมาขับรถที่ดูเหมือนจะขึ้นแท่นรถคลาสสิกแล้วคุณจะขับรถอย่างปลอดภัยขึ้นมาทันทีเพราะว่าจะมีคำ คำนึงลอยอยู่ในหัวตลอดว่า “ อะไหล่นั้นหายาก “
-
แบบนี้เครื่องยนต์มีปัญหาไหมหรือต้องเปลี่ยนเป็นยี่ปุ่น
สำหรับรถผมใช้เครื่อง X18XE ไม่ได้เปลี่ยนเป็นเครื่องยี่ปุ่นแต่อย่างใด มันก็ใช้ได้ดีอยู่แล้ว ถ้าเกิดพังขึ้นมาจริง ก็คงวางเครื่องของ OPEL นั้นแหละ สะดวกดีไม่ต้องแปลงเยอะ วางแล้วจบ สำหรับท่านที่อยากวางเครื่องยี่ปุ่นก็ได้ เห็นมีหลายท่านวางได้ แต่คงต้องแปลงแท่นนิดหน่อย เพลาคงต้องต่อ ความแข็งแรงอาจน้อยลงไป และที่สำคัญอาจต้องวนเวียนเข้าอู่บ่อยนิดนึง แต่ถ้าจบก็จบไปเลย ถ้าไม่จบก็นานหน่อย
ดูแลรถอย่างไรให้ดี
ก็ไม่ได้ดูแลอะไรมากเลยครับ ล้างรถ ดูดฝุ่น อาทิตย์ละครั้ง เปลี่ยนถ่ายของเหลวตามระยะ และความพอใจ เปลี่ยนอุปกรณ์เสื่อมตามระยะ พวกสายพานต่างๆ หมั่นตรวจเช็กอาการแปลกๆ เพียงแค่นี้รถก็อยู่นานแล้ว
ภายในเป็นไงบ้าง
เน้นเดิมๆ มายังไงก็เป็นแบบนั้น เก็บความเรียบร้อย ทำความสะอาดบ่อยๆก็พอ พวงมาลัยรุ่นแบบว่ามีแอร์แบก หน้าปัดแสดงความเร็ว รอบเครื่อง ความร้อน ปริมาณน้ำมัน สัญญาณต่างๆ ถ้าติดขึ้นมาก็แสดงว่ามีปัญหาในจุดนั้น ถ้าไม่ติดเลยก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้อาจจะหลอดขาดไปก็ได้ ตรวจเช็กง่ายๆเลยคือตอนบิดกุญแจก่อนสตารท์รถ ไฟต้องขึ้นทั้งหมด
สวิตย์ข้างพวงมาลัย ผู้ที่เคยชินกับรถญี่ปุ่นต้องทำความเคยชินซักครู่นึง เนื่องจากสลับทางกันนะครับโดยสเตปแบบนี้
ก้านด้านซ้าย - โดยกดขึ้นไฟเลี้ยวขวา กดลงไฟเลี้ยวซ้าย ดึงเข้าหาตัวกระพริบไฟหน้า
ก้านด้านขวา - กดขึ้นปัดน้ำฝนหน้า ดันไปด้านหน้าปัดฝนหลัง ดึงหาตัวปัดเป็นสเตป
-
แผงควบคุมกลาง เป็นแบบร่วมสมัยเลยครับ ฉีกแนวกับเพื่อนร่วมปีไปอย่างมาก เจ้าอื่นเค้ารูปทรงเหลี่ยมกันทั้งนั้น แต่นี่มา ทรงโค้ง รถสมัยใหม่ทรงโค้งทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ที่แอร์ออก ปุ่มปรับแอร์แบบกลม ที่ไม่ดีก็คือ ปุ่มปรับแอร์ 3 ปุ่มนั้น ใช้ได้แค่ 2 ปุ่ม ไอ้ที่ปรับทิศทางแอร์ว่าให้ออกล่าง บน นั้นใช้ไม่ได้ทำหลอกมา ถ้าอยากใช้ได้ให้นำของตัวนอกมาใส่ต้องนำมาทั้งคอนโซน ปุ่มปรับความแรงแอร์นั้นปรับได้ 4 ระดับ ความแรงไม่แพ้รุ่นใหม่ๆ เอาเป็นว่าแรงละกันถ้ามอเตอร์ไม่เสื่อมเสียก่อน ถ้าดึงปุ่มเข้าหาตัวจะเป็นการเปิดระบบไล่ฝ้าด้านหลังได้
เครื่องเสียง ถ้าแบบเดิมๆก็เป็นวิทยุ เทป แต่สมัยนี้คงหาเทปฟังไม่ได้แล้ว เลยต้องเป็นแบบ CD และ USB แล้ว
-
ทางด้านคนนั่งก็มีเก็เก็บของเพียงอันเดียว เก็บของเล็กๆน้อยได้เท่านั้น ลองใส่กระดาษเช็ดชู่ได้ประมาณ 3 ม้วน
-
กระจกด้านหน้ามีมุมมองที่กว้างพอสมควร มีไฟตรงกลางรถ ความสว่างมีไม่มากเท่าที่ควร ที่บังแดดนั้นด้านในจะมีกระจกอยู่เพื่อให้ส่องเวลาใครจะแต่งหน้าได้ ในส่วนกระจกมองหลังนั้นมีความพิเศษคือสามารถปรับให้ตัดแสงจากรถด้านหลังเวลากลางคืนได้เป็นประโยชน์มาก
-
ปุ่มเปิดระบบไฟต่างๆนั้นจะอยู่ด้านขวาฝั่งเดียวกับผู้ขับ หลักๆแล้วก็จะมีปุ่มเปิด/ปิด ไฟหน้ารถ 3 จังหวะ คือ ปิด เปิดไฟหรี่ เปิดไฟเต็ม ถ้าดึงขึ้นก็จะเปิดไฟในรถเก๋ง และมีตัวเลื่อนหรี่ไฟหน้าปัดได้ด้วย (ปุ่มเดียวทำได้เยอะจัง)
ด้านข้างก็มีไฟตัดหมอกหลัง และไฟส่องกบ (Frog light) ไว้ส่องถนนด้านข้างถนนใช้ประโยชน์ได้ดีมาก
ตัวที่แบ็งไว้ก็จะเอาไว้ใส่สวิตย์ปรับระดับโคมไฟหน้าต้องใช้กับโคมตัวนอกประเทศเราด้วย แจ่มเลย
-
มุมมองด้านเสา A ด้านขวานั้นใช้ได้พอสมควร มีบังนิดหน่อย กระจกมองข้างเป็นแบบปรับไฟฟ้าแต่พับไม่ได้ และมีมุมที่ยืดระยะมองได้นิดหน่อย และสามารถละลายฝ้าได้ด้วย
-
มุมมองด้านเสา A ด้านซ้าย ดูดีมาก อาจมากกว่าด้านขวาอีก หรือรู้สึกไปเอง
-
มุมมองเสา B ด้านขวาก็แจ่มใช้ได้ด้วยความที่เป็นรถ 3 ประตู เสาเลยยืดออกไป มุมมองเลยแจ่มแบบที่เห็น
-
มาด้านเสา B ด้านซ้ายบ้าง แจ่มตามรูป
-
แผงประตูมาเรียบๆสีดำ ดุ พลาสติกคุณภาพดีมาก มีการย่นหนังเป็นริ้วๆ เพื่อให้ดูไม่แข็งมาก มีที่เก็บของได้เล็กน้อยแต่ยาว ด้านคนขับก็จะมีปุ่มปรับกระจก และเลี่อนกระด้านซ้ายและขวาขึ้นลง
ที่พิเศษและผมชอบมาก็คือ ถ้าล็อกประตูฝั่งคนขับขณะเปิดประตูอยู่แล้วปิดประตูรถ ระบบจะปลดล็อกทันที กันการลืมกุญแจไว้ในรถ ซึ่งรถปีเดียวกันไม่มีนะครับ
-
เบะสีดำ รูปทรงแบบ Recaro และก็ถูกผลิตและดีไซท์โดย Recaro เช่นกัน
-
ด้วยความที่เป็นรถ 3 ประตู เวลาเข้าออกก็ต้องพับเบาะแบบนี้ การเข้าออกก็ลำบากนิดหน่อย แต่ยังได้อยู่
-
บอกตรงๆนะครับเบาะหลังนั่งสบายมากกว่าด้านหน้าอีก เพื่อนๆผมนั่งบอกสบาย ให้ผมขับด้านหน้าคนเดียว เป็นคนขับรถให้มันเปล่า
-
บทสรุปของรถ
คิดไม่ผิดนะครับสำหรับรถยี่ห้อ OPEL ใช้ดีจึงต้องบอกต่อ ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันเห็นหลายท่านมีแล้วมีอีก บางท่านมี 5 คัน บางท่านมี 7 คัน ก็คงต้องลองถามท่านเล่านั้นดูว่ารถมันมีดีอย่างไร
ถึงแม้ว่าพระนครยนต์จะไม่นำรถเข้ามาแล้ว แต่ผู้ใช้งานก็ยังรัก ยังชอบและได้รวมตัวกันขึ้นมาจัดทำกลุ่มเพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับรถ ซึ่งหลักๆก็มี WWW.OPELLOVE.COM และ WWW.OPEL.IN.TH สามารถแนะนำอาการเสียต่างๆ อู่ซ่อมรถที่ไว้ใจได้ บางทีออกไปช่วยเหลือสามาชิกเองตามที่ต่างๆ บางท่านได้ใช้บริการมาแล้วด้วย ชาว OPEL ไม่ทอดทิ้งกันจริงๆ สำหรับอู่ที่ยังรับซ่อมรถ OPEL ยังมีนะครับ และไม่ได้มีเฉพาะกรุงเทพ ตามเมืองใหญ่ๆ ก็มีอย่าเข้าใจไปเองว่าไม่มี
-
ให้สุดท้ายอีกทีนึง
สำหรับท่านที่คิดจะหาซื้อมาใช้งานก็ลองหาข้อมูลดูก่อนครับ เมื่อซื้อรถแล้วก็ต้องมา Meeting ซักครั้งนึง รู้จักเพื่อนสามาชิกไว้ แล้วจะรู้ว่า
“ คุณไม่ได้ขับ OPEL อยู่คนเดียว “
ขอขอบคุณ
สถานที่ถ่ายรูป ตลาดสวนรถไฟ (เค้าจะรู้ตอนผมเอามาลงนี่แหละ)
www.opellove.com
www.opel.in.th
http://en.wikipedia.org/wiki/Opel
ผู้ที่ก่อตั้งเวปขึ้นมา
สมาชิกโอเปิ้ลทุกท่าน
-
ที่บ้านบ่นทุกวันหาซื้อคันใหม่เถอะ :ไม่: :ไม่:
ชอบบจังกระทู้นี้ :ตาปิ้ง: :ตาปิ้ง:
-
ดีมากๆครับ
มีความภูมิใจและรัก Opel. เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยครับ
-
8) 8) 8)
-
ขอบคุณมากครับข้อมูลและreviewสุดยอดเลยครับ 8) จริงๆมีzafiraด้วยครับที่เป็นopelแต่มาในคราบchevyซึ่งเรื่องเบาะที่รถผมก็recaroทำให้zafiraเช่นกัน ชุดแต่งopcก็ถูกออกแบบและผลิตโดยzenderซึ่งน่าจะปิดบริษัทไปแล้วที่สำคัญzafira เป็นรถที่opelส่งproject ไปให้Porscheออกแบบให้ครับพูดได้เต็มปากว่า Porsche design ครับ :'(
-
คันนี้ชอบมากเลยครับ ตอนได้เจ้าซ่า มา 10 วัน เพิ่งมาเห็นคันนี้ประกาศขาย และเพิ่งรู้ว่า Astra มีรุ่นนี้ด้วย
ได้อารมณ์ทั้งความสปอร์ต แบบ 3 ประตู และ อารมณ์แบบรถใหญ่ๆที่ดูแล้วแข็งแรง แต่ถ้าได้มาครอบครอง
จริงๆ ก็คงได้ยังผมก็คงดูแลไม่ได้หรอกครับ ขนาดเจ้าซ่า เครื่องเทพ ถึก ทน ทุย ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ
ตอนซื้อคิดว่าพอมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้าง พอได้รถมาแล้วเหมือนไม่รู้อะไรเลย "ดีจริงๆครับ ที่รถดีๆ ได้อยู่กับเจ้าของที่รู้จักคุณค่า"
ถ้าไปอยู่กับคนที่ไม่รู้จัก Ople ป่านนี้อาจถูกยำเละเทะแล้วครับ สุดท้ายก็ลงเอยด้วย "รถ Opel ไม่ดี อย่าไปใช้ ซ่อมกันไม่ไหว"
ก็คงจะไม่ดีจริงๆแหละครับ ถ้าไม่รู้จักและเรียนรู้ แต่อย่างน้อยยังดี ถ้าคิดว่าไม่ดี ก็อย่าไปใช้เลยครับ
ปล่อยให้คนที่พร้อมจะเรียนรู้และเห็นคุณค่าไปใช้เถอะครับ ถ้ามีโอกาสไว้ขอไปชื่นชมรถตัวจริงบ้างนะครับ น้าเจต
8) 8) 8)
-
สรุป มันดีของมันอยู่แล้ว ที่เหลืออยู่ที่คนใช้ ว่าจะใช้มันได้ดี หรือใช้มันได้ไม่ดี :)
-
Astra GSi
-
;) ;) ;) ;) ;) ;) ;) ;) ;) ;) ;) ;) ;)
-
เบะสีดำ รูปทรงแบบ Recaro และก็ถูกผลิตและดีไซท์โดย Recaro เช่นกัน
ไม่ใช่รูปทรงแบบ RECARO ครับ และจะบอกว่าไม่ใช่ RECARO ก็คงไม่ได้
เบาะโอเปิ้ลในสมัยนั้น ผลิตโดย KIEPER ครับ
คือ RECARO เป็นลูกเทวดา หรือเรียกให้เข้าใจง่ายๆว่า KIEPER เป็นเทพนั่นแหละครับ
KIEPER ผลิตเบาะให้โอเปิ้ลเป็นหลักมาตั้งแต่ปี 1965 และมาเทดโอเว่อร์ RECARO ในปี 1983 ครับ
ต้นตำหรับเบาะ recaro ก็คือ KIEPER
เคยทำประวัติใว้แล้วตามนี้ครับ http://www.opellove.com/html/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&p=60856 (http://www.opellove.com/html/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&p=60856)
-
ตกลงไม่ใช่ Recaro หรือนี่แต่เป็น kieper หรือนี่
พลาดไปแล้ว :giveme
-
ตกลงไม่ใช่ Recaro หรือนี่แต่เป็น kieper หรือนี่
พลาดไปแล้ว :giveme
หมายถึงบริษัทเดียวกันนั่นแหละครับ
-
วันนั้นน้าหนานมาเคยถอดเบาะออกมาซักมันปั๊มที่รางเบาะว่า recaro นี่นา :P :P :P
-
หนังที่เบาะผมพิมพ์recaroเลยครับ :lovelove
-
วันนั้นน้าหนานมาเคยถอดเบาะออกมาซักมันปั๊มที่รางเบาะว่า recaro นี่นา :P :P :P
บอกว่าบริษัทเดียวกัน คือ KIEPER RECARO
-
ของผมก็มีแต่ Recaro เฉยๆ ไม่มี kieper หรืว่าเป็นช่วงเทกโอเวอร์บริษัทพอดี ล็อดเก่าเลยไม่มี แต่ล็อดใหม่มี
-
8) 8) 8) 8) 8)
-
:ตาปิ้ง: :ตาปิ้ง:
-
:)
-
:ปลิว: :ปลิว:
-
เยี่ยมครับ กระทู้แบบนี้สร้างสรรค์ดีนะครับ ถ้าถ่ายรูปห้องเครื่องมาด้วยก็จะดีมากเลยครับ 8)
-
เยี่ยมครับ กระทู้แบบนี้สร้างสรรค์ดีนะครับ ถ้าถ่ายรูปห้องเครื่องมาด้วยก็จะดีมากเลยครับ 8)
ถึงว่าขาดอะไรไปอย่างนึง ลืมห้องเครื่องนี่เอง
-
8) 8) 8)
-
มุมมองด้านเสา A ด้านขวานั้นใช้ได้พอสมควร มีบังนิดหน่อย กระจกมองข้างเป็นแบบปรับไฟฟ้าแต่พับไม่ได้ และมีมุมที่ยืดระยะมองได้นิดหน่อย และสามารถละลายฝ้าได้ด้วย
เงาในกระจกดูน่ากลัวนะครับ บรื๋ออออ
-
มุมมองด้านเสา A ด้านขวานั้นใช้ได้พอสมควร มีบังนิดหน่อย กระจกมองข้างเป็นแบบปรับไฟฟ้าแต่พับไม่ได้ และมีมุมที่ยืดระยะมองได้นิดหน่อย และสามารถละลายฝ้าได้ด้วย
เงาในกระจกดูน่ากลัวนะครับ บรื๋ออออ
:หนาว: :pray :หนาว: :pray :หนาว: :pray :dead:
-
ขอสนับสนุนคำว่า "รถโคตรสวยเลยว่ะ" 8) 8) 8) 8)
-
มุมมองด้านเสา A ด้านขวานั้นใช้ได้พอสมควร มีบังนิดหน่อย กระจกมองข้างเป็นแบบปรับไฟฟ้าแต่พับไม่ได้ และมีมุมที่ยืดระยะมองได้นิดหน่อย และสามารถละลายฝ้าได้ด้วย
เงาในกระจกดูน่ากลัวนะครับ บรื๋ออออ
:หนาว: :pray :หนาว: :pray :หนาว: :pray :dead:
เพ่งสังเกตเหมือนกันาภาพมันคนละสีเลย แปลกๆ
เค้ามาขายไอติม เดียวนี้ไม่มีไอติมแบบตัดแล้ว มีแต่ตัดมาให้เรียบร้อยอยู่ในห่อพร้อมกิน
-
ขอสนับสนุนคำว่า "รถโคตรสวยเลยว่ะ" 8) 8) 8) 8)
คำพูดอาจดูรุนแรงไปนิดแต่ว่ามันก็แสดงออกถึงความสะใจของผม ตอนที่ได้นั่งมองรถตอนรถเพ่งล้างเสร็จใหม่ๆ
-
ขอสนับสนุนคำว่า "รถโคตรสวยเลยว่ะ" 8) 8) 8) 8)
คำพูดอาจดูรุนแรงไปนิดแต่ว่ามันก็แสดงออกถึงความสะใจของผม ตอนที่ได้นั่งมองรถตอนรถเพ่งล้างเสร็จใหม่ๆ
มองรถแล้วดูสวยก็มีความสุขแล้วครับ
ของผมนอกจากรถก็มีภรรยาด้วยครับ
-
ขอสนับสนุนคำว่า "รถโคตรสวยเลยว่ะ" 8) 8) 8) 8)
คำพูดอาจดูรุนแรงไปนิดแต่ว่ามันก็แสดงออกถึงความสะใจของผม ตอนที่ได้นั่งมองรถตอนรถเพ่งล้างเสร็จใหม่ๆ
มองรถแล้วดูสวยก็มีความสุขแล้วครับ
ของผมนอกจากรถก็มีภรรยาด้วยครับ
8) 8) 8)
-
มีมา Update ด้วยครับ
จากสภาวะน้ำท่วม รถผมก็ยังอยู่รอดปลอดภัยเป็นอย่างดี อยู่ลานจอดรถชั้นสูงจากพื้นที่น้ำท่วมเป็นอย่างมาก จอดจนฝุ่นเพียบ ร่วมกับ Supercar หลายๆคัน น่าเป็นห่วงรถที่ไปจอดตามทางด่วน และหนีน้ำไม่ทัน ยังไงก็ขอให้ชาว OPEL ปลอดภัยกันทุกท่าน
ว่ากันด้วยรถ จากการใช้งานมานาน รู้ว่าล้อสั่นเล็กน้อยตอน 100 - 120 KM/hr รู้สึกว่าต้องใส่ HUB ring เสียแล้ว แต่ก็สงสัยอยู่ว่ามันต้องใส่หรอฟะเนี่ย ดุมล้อก็ 56.6 mm ล้อก็ 56.6 mm เลยหาข้อมูลดูนิดนึง
http://www.automagwheel.com/diy/hubring.html
http://www.justforwheels.com/hub-centric-rings.jsp
เอ้ามีบ่าที่กว้างกว่าตอนเอาล้อเข้าไปนี่น่า ลองหาร้านทำดูดิ โอ้วมีแต่ 1000 บาท ทั้งนั้น จะมีไหมที่ถูกกว่านั้น
http://rcw.ms/forum/showthread.php/57277-%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99(%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B)-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-1/page11
พอได้เจอร้านนี้แหละครับ รวมค่าถอดใส่เรียบร้อย ถูกกว่านิดหน่อย และใกล้บ้านก็เอาเลย
จากการวัดนั้น ดุมที่ล้อ 56.6mm ที่ล้อวงนอก 67 mm วงใน 56.6 mm คิดว่าความยาวของวงในคงยาวเข้าไปวงในไม่มาก ทำให้สั่น
ผลการใส่ รู้สึกดีขึ้นพอสมควร
-
สวยและดูดีมากๆครับ..... 8) 8)
-
ว่างๆ ก็ล้างรถเสียหน่อย ล้างเองนี้ก็เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย :giveme
-
ล้างรถไปมาก็เจออันนี้ ซื้อมาจนลืม ใส่ซะเลย
-
-จุดประสงค์แรกของผมคือ รถขนาดเล็ก(เพราะกำลังฮิต)
-ไม่กลัวเรื่องซ่อมและอะไหล่เพราะคิดว่าซ่อมเอง และคิดจะเปลี่ยนเครื่องญุ่น(ก็เปลี่ยนเอง)
-รูปทรงโดนใจมาหลายปีแล้วก่อนแจ๊สจะเกิดเสียอีก
-เคยชอบซูซูกิฟร้อนเต้มาก
-เคยซื้อออสตินรุ่น อเลโก้ ซื้อมาใช้ไม่นานจอดทิ้งเพราะคิดว่ามันเป็นออสติน(แต่ซื้อผิดรุ่นและมันผุและไม่ไหวที่จะซ่อมเลยเอาเงินที่จะซ่อมไป ไปซื้อเรโนลต์ R9 แทน
-สุดท้ายคือทุนน้อยแต่อยากขี่รถดีๆ เพราะรถที่ดีๆในความคิดผมต้องยุโรป(ยิ่งหลายปียิ่งราคาถูก )
-
ผมรอคุณมากนานมากเลยนะครับพี่น้อง :หนาว:
-
และแล้วเสียงเส้นบอกละชอความเร็วถนนก็หายไปด้วย Hakook ventus V12 evo :bye: :bye: :bye:
-
ลดอายุรถด้วยสติกเกอร์ลาย มั่วๆ :หึหึ:
-
แต่งแนว ฟรัช.ด้วย... :D :D