จากประสบการณ์ที่รถผมจอดกินข้าวแกงลิงถึง 2 ครั้ง 2 ครา นั้น  ต้นเหตุหลักๆนั้นเกิดจากความประมาทและชะล่าใจของตัวผมเองล้วนๆ  คิดว่าตัวเองเก่ง  ตัวเองเจ๋ง   รถพังรถเสียซ่อมเองได้   สุดท้ายก้อมิวายตายคาที่จอดกินข้าวแกงลิงอยู่ดี   ฝากข้อคิดในเรื่องของการเติมน้ำมัน  อย่าให้น้ำมันรถใกล้จะหมดหรือไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆแล้วค่อยเติม   เพราะจะทำให้ปั้มติ๊กไม่สามารถที่จะระบายความร้อนได้   ทุกๆชิ้นส่วนของเครื่องยนต์จะต้องมีระบบและหลักการระบายความร้อนของตัวมันเสมอ  โดยอาศัยทั้ง  อากาศ  น้ำ และน้ำมัน  ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง  น้ำมันเกียร์  น้ำมันเชื้อเพลิง  ปั้มติ๊กก้อเช่นเดียวกันต้องอาศัยน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นตัวระบายความร้อน  ดังนั้นควรเติมน้ำมันเชื้อเพลิงไว้ให้ท่วมตัวปั้มติ๊กไว้เสมอ   เพื่อป้องกันไม่ให้ปั้มติ๊กลาโลกก่อนวัยอันสมควร    เราจะทราบได้อย่างไรว่าปั้มติ๊กใกล้ลาโลกหรือลาโลกไปแล้ว   อาการใกล้ลาโลกคือ ขับเร็วๆแช่ยาวๆหน่อย ถ้าเสียเครื่องจะวูบทันทีแต่พอลดความเร็วลงมา ขับได้ ถ้ากดถึงจุดนั้นแล้ววูบอีก นั่นล่ะครับอาการปั๊มติ๊กใกล้ลาโลกพูดง่ายๆคือขับเร็วไม่ได้  ขับรถอยู่ดีๆเร่งไม่ขึ้นชะงั้นแหละ  ดับไปเฉยๆ   พอจอดทิ้งไว้ชักพักก้อสตาร์ทติดและขับต่อไปได้อีก(อาการเช่นนี้จะเหมือนกับอาการของคอล์ยเสื่อม)   ส่วนอาการลาโลกนั้นคือ   สตาร์ทอย่างไรก้อไม่ติดครับ  ทั้งๆที่น้ำมันมี   ไฟแบตเตอรี่มี  แบบนี้การแก้ไขทั้งสองอาการคือ  เปลี่ยนใหม่อย่างเดียวครับ   ถามว่าซ่อมได้มั้ย   ซ่อมได้ครับแต่ท่านชำนาญในเรื่องการผ่า  การงัด การแงะมันมั้ย  และการประกอบกลับคืนจะใช้งานได้ดีเหมือนเดิมมั้ย  อันนี้ขึ้นอยู่กับฝีมือล้วนๆครับ   สำหรับราคาปั้มติ๊กนั้นมือสองประมาณ  500-1000 บาท  มือหนึ่งนั้นประมาณ3000ต้นๆแล้วแต่ยี่ห้อและแต่ละแหล่งจำหน่ายครับ    หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆสมาชิกไม่มากก้อน้อยนะครับ    สำหรับผมคาดว่าหนนี้คงเข็ดไปอีกนานครับ